เมืองไทยประกันชีวิต ประกาศแผนปีเสือ 2565 มุ่งเน้นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
เมืองไทยประกันชีวิต ประกาศแผนปีเสือ 2565 มุ่งเน้นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน เปิดกลยุทธ์ “MTL NEXT TO YOU” ตอบโจทย์ทุกมิติ ปักธงขึ้นแท่นผู้นำตลาดด้านความคุ้มครองสุขภาพและการบริหารความมั่งคั่ง
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เปิดเผยว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีสำคัญของ เมืองไทยประกันชีวิต ที่ได้ดำเนินธุรกิจเคียงคู่คนไทยครบรอบ 70 ปี ในการส่งมอบความสุขและรอยยิ้ม อีกทั้งยังเป็นปีที่เมืองไทยประกันชีวิตได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพ และการให้บริการ รวมถึงยังเป็นผู้นำในการเสนอขายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางดิจิทัล ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายในรูปแบบเฉพาะบุคคลได้เป็นอย่างดี และได้รับรางวัลทั้งในระดับประเทศและระดับสากลเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จอย่างมากมาย อาทิ รางวัลบริษัทประกันภัยเกียรติยศสูงสุด (Hall of Fame) จาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
สำหรับผลการดำเนินงานของเมืองไทยประกันชีวิตในปี 2564 มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับใหม่ที่ 10% สำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง (Health & CI) มีการเติบโตอยู่ที่ 31% มีสัดส่วนการขายแบบประกันชีวิตประเภทคุ้มครองชีวิตและประกันชีวิตควบการลงทุน (Protection and Investment Portion) สูงถึง 77% ขณะที่มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับใหม่ของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (Investment Linked Product) อยู่ที่ 1,116% และผลการดำเนินงานของธุรกิจในตลาดภูมิภาค (Regional Company) ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ในด้านความแข็งแกร่งและด้านเสถียรภาพทางด้านการเงิน บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Rating) จาก S&P Global Ratings อยู่ที่ระดับ BBB+ โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ และจาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) อยู่ที่ A- โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS Rating) ที่ AAA(tha) โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพถือเป็นอันดับเครดิตในระดับประเทศที่สูงที่สุด และยังมีความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งโดยสะท้อนจากอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนสูงกว่า 300% ณ สิ้นปี 2564 ซึ่งสูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามเกณฑ์ที่ 120%
นายสาระ กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินงานในปี 2565 เมืองไทยประกันชีวิตตั้งเป้าหมายการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในทุกมิติ (Sustainable Growth) โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อการเติบโตทางธุรกิจ และตอบโจทย์ลูกค้าอย่างตรงจุด ที่มุ่งเน้นการพัฒนาขีดความสามารถของช่องทางการขายเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน (Distribution Capabilities Enhancement to Grow Sustainably) การนำเสนอและประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า (Excellent Customer Experience) การพัฒนากระบวนการทำงานในทุกด้านเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสอดรับโลกยุคใหม่ (Operations Transformation) การขยายธุรกิจและบริการผ่านพันธมิตรทางธุรกิจในรูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ (Ecosystem Orchestrator) การเป็นองค์กรที่ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีในการพัฒนาประสิทธิภาพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการแก่ลูกค้า (Digitalized and Data-Driven Organization) การขยายธุรกิจไปสู่ตลาดที่มีศักยภาพในต่างประเทศ เช่น กลุ่มประเทศอาเชียน และขยายสู่ธุรกิจที่มีโอกาส เติบโตสูงและส่งเสริมธุรกิจ (Expansion in the Regional Markets and Adjacent Industries) การบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และการมีธรรมาภิบาลที่ดี (Effective Risk Management)
พร้อมดำเนินกลยุทธ์ภายใต้แนวคิด “MTL NEXT TO YOU” ที่มุ่งเน้นการพัฒนารอบด้านอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อก้าวเคียงคู่ดูแลทุกช่วงของชีวิต ส่งมอบความสุขและรอยยิ้มแก่ลูกค้าในทุกกลุ่ม (Democratize Insurance) รวมทั้งประกาศจุดยืนในการเป็นผู้นำตลาดด้านความคุ้มครองสุขภาพ (Most Trusted Health Partner) และการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Leader) ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ช่องทางการขาย และการบริการ ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุก Journey ทุกไลฟ์สไตล์แบบ End to End ได้อย่างเหมาะสม ในรูปแบบที่มีความเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น และครบถ้วนในทุกมิติ พร้อมสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงอย่างยั่งยืนแก่ลูกค้า พนักงาน สังคม พันธมิตร และผู้ถือหุ้น รวมถึงการยกระดับองค์กรสู่ความเป็นสากล เพื่อสามารถรับมือกับโลกยุคดิจิทัลเต็มตัว
ทั้งนี้ ในด้านความคุ้มครองสุขภาพ บริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าแบบ Outside In ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งในด้านคุ้มครองสุขภาพ ความคุ้มครองโรคร้ายแรง และบริการต่าง ๆ ที่เข้าถึงลูกค้าในแบบที่มีความเฉพาะตัวได้มากยิ่งขึ้น เน้นการสร้างความแตกต่าง และสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างเข้าถึง เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าในทุกเพศ ทุกวัย พร้อมพัฒนาและผสมผสานรูปแบบของการบริการ ทั้งเรื่องของนวัตกรรมใหม่ การบริการผ่านระบบ Digital และ Non Digital เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการใช้บริการทั้ง Self Service และ Human Touch
ด้านการบริหารความมั่งคั่ง เมืองไทยประกันชีวิตชูความโดดเด่นด้วยบริการบริหารจัดการทางการเงิน (Wealth Solutions) เป็นบริการวางแผนการเงินส่วนบุคคลแบบครบวงจร ให้คำแนะนำด้วยแนวคิด “Wealth Life Expert” พร้อมมอบบริการด้วยการคัดเลือกกองทุนรวมคุณภาพจาก บลจ.ชั้นนำ ภายใต้การบริการโดยทีม Wealth Advisor ที่ช่วยวางกลยุทธ์การลงทุน และสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังมีการติดตามผลการดำเนินงาน บริหารความเสี่ยง โดยผู้มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญด้านการลงทุน เพื่อให้ลูกค้าบรรลุทุกเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมั่นใจ
นอกจากนี้ เพื่อตอบรับโลกยุคใหม่ บริษัทฯ ได้ยกระดับองค์กรสู่ความเป็นสากล ทันสมัย และสามารถรับมือกับโลกยุคดิจิทัล ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ระบบกระบวนการทำงานอัตโนมัติ (Robotic Process Automation หรือ RPA) เพื่อให้การทำงานเป็นแบบอัตโนมัติและเพิ่มประสิทธิภาพ และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) มาใช้ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็ว สะดวกและครอบคลุม รวมถึงการเชื่อมต่อกับ เครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจในด้านต่างๆ (Ecosystem Partners) ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายสถานพยาบาล พันธมิตรในตลาดอีคอมเมิร์ซ และพันธมิตรในกลุ่มสตาร์ทอัพด้าน InsureTech HealthTech หรือ Blockchain มาช่วยเข้าถึงความต้องการของลูกค้า
นายสาระ กล่าวว่า ในปี 2565 เมืองไทยประกันชีวิตตั้งเป้าหมายเป็นองค์กรน่าอยู่และองค์กรแห่งการเรียนรู้ ด้วยการพัฒนาพนักงานให้มีความสามารถรอบด้าน เป็นศูนย์รวมของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ความรู้ความสามารถ ในหลากหลายมิติ เพื่อคิดค้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ กระบวนการทำงาน การให้บริการ รวมถึงการพัฒนาองค์กรให้มีความทันสมัยและก้าวทันกับโลกที่เกิดขึ้นตลอดเวลา พร้อมเปิดรับคนรุ่นใหม่มาร่วมขับเคลื่อนองค์กรสู่โลกยุคดิจิทัล (New Talent) นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบในด้านการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) การจัดการด้านสังคม (Social) และการจัดการด้านธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยภัยรับใหม่ที่มากกว่า 10% โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง (Health & CI) และแบบประกันชีวิตควบการลงทุน รวมไปถึงการให้ความสำคัญด้านเสถียรภาพทางการเงินให้มีความแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า(Net Promoting Score) ในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต…เมืองไทยประกันชีวิต พร้อมพัฒนาในทุกด้าน เพื่อก้าวเดินไปพร้อมคุณ Whatever is Next, MTL is NEXT to you.