กินให้อารมณ์ดีทั้งวันทำง่ายกว่าที่คิด

ประโยชน์อีกมุมของ คาร์โบไฮเดรต และ ไขมัน ที่จะช่วยให้สุขภาพเราดีต่อใจแบบสุดๆ
"อาหาร" นอกจากจะช่วยให้ท้องอิ่ม ยังมีผลโดยตรงกับอารมณ์ความรู้สึกของคนเราอีกด้วย
เรื่องนี้ นักโภชนาการบำบัดและ
แววตา เอกชาวนา นักโภชนาการบำบัดและ
โดยเฉพาะอาหารที่มักถูกจัดหมวดให้อยู่ฝั่ง "ผู้ร้าย" สำหรับสายสุขภาพอย่าง "แป้ง" หรือ "คาร์โบไฮเดรต" ซึ่งถือเป็นวัตถุดิบสำคัญที่สร้างสมดุลให้กับอารมณ์ชนิด "ขาดไม่ได้" เลยทีเดียว
คาร์โบไฮเดรต ที่ว่านี้ก็คือ "คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน" อย่าง ข้าวซ้อนมือ หรือ ขนมปังโฮลวีต โดยอาหาร 2 ชนิดนี้จะมีกระบวนการเปลี่ยนเป็นน้ำตาลช้า ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของเราก็จะมีสม่ำเสมอไม่ลดน้อยลงไป
"ระดับน้ำตาลที่ลดลงก็ไม่ต่างอะไรกับอาการหิวข้าวของคนเรา เวลาหิว เราก็จะฉุนเฉียวได้ง่าย ปรอทก็จะทะลุ เราจะรู้สึกควบคุมอารมณ์ของเราไม่ได้ ถ้าเป็นน้อยๆ ก็จะแค่หงุดหงิด แต่ถ้าหากขาดนานๆ ก็จะเกิดความตึงเครียดในร่างกายของเรา ทำให้ระบบการเผาผลาญจะไม่ดี การควบคุมอารมณ์ก็ไม่ดีตามไปด้วย" เธออธิบาย
ปริมาณการรับคาร์บให้เพียงพอที่นักโภชนาการแนะนำก็คือ ผู้หญิงควรกินให้ได้ 1-2 ทัพพีต่อมื้อ ขณะที่ผู้ชายเพิ่มเป็น 2-3 ทัพพีต่อมื้อ และควรมีมีผัก หรือผลไม้ร่วมด้วยในมื้อนั้น ก็จะช่วยสร้างสมดุลอารมณ์ของเราให้ดีตลอดวัน
ไขมัน ก็เป็นสารอาหารอีกชนิดที่ใครได้ยินก็ได้แต่ร้อง "ยี้" แต่ใครจะรู้ว่า นี่คือสารอาหารสำคัญในการบำรุงสมอง ที่เป็นเหมือนฐานบัญชาการของอารมณ์
"แต่ควรเลือกไขมันที่ดี อย่าง ไขมันจากเนื้อปลา ไม่ใช่พุงปลา" แววตาระบุถึงความแตกต่าง
โดยปริมาณที่เธอแนะนำก็คือ ควรทานเนื้อปลาที่ไม่ทอดให้ได้อย่างน้อย สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 200-300 กรัม ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายได้กรดน้ำมันโอเมก้า 3 ทำให้สมองทำงานได้ดี การควบคุมอารมณ์ก็จะดีขึ้น
นอกจากนั้นยังมี ถั่วเปลือกแข็งต่างๆ และ อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น นักโภชนาการคนเดิมยังบอกอีกว่า สิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืมก็คือ การดื่มน้ำให้ครบ 6-8 แก้วต่อวัน หรือ 8-10 แก้วต่อวันในหน้าร้อน
"กฎของการกินน้ำก็คือ อย่าดื่มเมื่อเรากระหาย ถ้าจิบไปเรื่อยๆ ทั้งวัน เพราะเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกกระหายน้ำ นั่นแปลว่า ร่างกายกำลังขาดน้ำ ถ้าไม่มีอะไรกินเลย อย่างน้อยก็ต้องดื่นน้ำ ถ้าเราไม่ดื่มน้ำเราก็จะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ความสมดุลอารมณ์ก็จะหายไป"