ศาสตร์แห่งความสุข

ศาสตร์แห่งความสุข

ศาสตร์แห่งความสุข

เป้าหมายสูงสุดของมนุษย์หรือคนเรานั้นไม่ใช่เงิน  อำนาจ ชื่อเสียง  เกียรติยศ  แต่คือ  “ความสุข”  สิ่งต่าง ๆ  ที่กล่าวถึงนั้นแท้ที่จริงมันเป็นเพียง  “หนทางหรือทางผ่าน” ที่อาจจะหรือมักจะนำไปสู่ความสุขเท่านั้น   ความสุขนั้นไม่ใช่สิ่งที่จับต้องได้แต่มันคือความรู้สึกของเรา  มันอยู่ในใจ  มันเป็นอารมณ์ที่มีแต่ “เจ้าตัว” เท่านั้นที่จะบอกได้  ความสุขนั้นอยู่ตรงกันข้ามกับ “ความทุกข์” ที่ก็เป็นอีกหนึ่งอารมณ์ที่อยู่ในใจที่มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้สึกเอง  ตามนิยามของท่านพุทธทาสภิกขุที่ผมเคยอ่านสมัยที่เคยบวชเป็นพระในช่วงวัยหนุ่ม  ความทุกข์ก็คือสิ่งที่เราต้องทนและอยากจะหลีกเลี่ยง  อยากจะไปให้พ้น  ส่วนความสุขนั้นเป็นอะไรที่เราไม่ต้องทน  เราอยากได้และอยากอยู่กับมันนาน ๆ   ในยุคปัจจุบันที่ความรู้ด้านของชีววิทยาก้าวหน้ามากนั้น  เรารู้ว่าความทุกข์และความสุขของมนุษย์นั้นมีรากฐานมาจากวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตผ่านยีนที่สร้างอารมณ์ทุกข์และสุขขึ้นมาเพื่อเพิ่มโอกาสในการเอาตัวรอดและเผยแพร่เผ่าพันธุ์  ความสุขมีไว้เพื่อกระตุ้นให้เราอยากทำในสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีโอกาสรอดและเผยแพร่เผ่าพันธุ์ได้ดีขึ้น  ตัวอย่างเช่นอารมณ์ใคร่กระตุ้นให้คนอยากมีเพศสัมพันธ์ซึ่งจะทำให้มี “ความสุข” และในที่สุดก็นำไปสู่การมีลูก

เราทำงานเพื่อหาทรัพยากรหรือเงินเพื่อที่จะได้มีอาหารกินซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความสุขเพื่อที่เราจะได้รอดจากการอดตาย  เวลาหิวเราจะเป็นทุกข์ซึ่งเราจะต้องทนและพยายามหลีกเลี่ยงก็โดยการรีบไปกินอาหารซึ่งจะก่อให้เกิดความสุข  ความกังวลว่าพรุ่งนี้หรือเดือนหน้าหรือปีหน้าจะมีอะไรให้เรากินหรือใช้ไหมก็ทำให้เราเป็นทุกข์และก็เป็นแรงกระตุ้นหรือแรงจูงใจให้เราวางแผนและทำกิจกรรมที่จะทำให้เรามีเงินเพื่อเอาไว้กินหรือใช้ซึ่งจะก่อให้เกิดความสุขในอนาคต  ดังนั้น  ทั้งความสุขและความทุกข์ต่างก็เป็นอารมณ์ที่สำคัญมากที่ทุกคนต้องมี  ถ้ามีอารมณ์แห่งความสุขหรือความทุกข์แต่เพียงอย่างเดียว  เผ่าพันธุ์ของมนุษย์หรือสัตว์รวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่นก็คงอยู่ไม่ได้สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว  ดังนั้น  คนที่เกิดมาทุกคนในปัจจุบันนี้จึงมียีนที่ผลิตฮอร์โมนของความทุกข์และความสุขในอัตราส่วนที่พอเหมาะหรือเหมาะสมที่สุดที่จะทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์มีโอกาสอยู่ได้ยั่งยืนที่สุด  แน่นอน  แต่ละคนอาจจะมีระดับของฮอร์โมนแตกต่างกัน  แต่ความแตกต่างก็ไม่มาก  และมันก็ขึ้นกับยีนของแต่ละคน  บางคนโชคดีที่มียีนของคนที่มีความสุขมากกว่า  ดังนั้น  เขาก็อาจจะมีโอกาสมีความสุขมากกว่าคนอื่น  อย่างไรก็ตาม  ความสุขหรือทุกข์ยังขึ้นอยู่กับสิ่งอื่น ๆ  อีกมากในชีวิต  ที่สำคัญและมีผลมากก็คือ  การปฏิบัติหรือพฤติกรรมของเราที่อาจจะเอื้อให้เกิดความสุขมากกว่า  เช่นเดียวกัน  สิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ก็มีผลสำคัญต่อระดับความสุขหรือทุกข์ที่เราจะได้รับในชีวิต

เรื่องของยีนและสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อความสุขสูงนั้นบางทีเราก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก  ผมจึงอยากจะพูดถึงวิธีหรือการปฏิบัติตัวที่จะช่วยเพิ่มความสุขที่เป็นสิ่งที่เราต้องการสูงสุดว่าควรจะทำอย่างไร  สิ่งที่พูดนี้  แน่นอนว่าไม่ใช่ความคิดของผมเอง  แต่มาจากการศึกษาเรื่องราวของ  “ความสุข”  จากผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่มีการศึกษาอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ถึงเรื่องของความสุขของคน  ว่าที่จริงในขณะนี้เรารู้แม้กระทั่งว่าใครกำลังมีความสุขโดยการใช้เครื่องวัดที่นำมาครอบศีรษะคนที่ยอมให้ทดลอง  ความสุขนั้นไม่ใช่เป็นเรื่อง “ในใจ” ของเจ้าตัวเท่านั้นอีกต่อไป  ความสุขเป็นเรื่องของร่างกายที่เราสามารถรู้ได้ด้วยเครื่องตรวจวัดการทำงานของสมอง

เรื่องของความสุขนั้นกว้างและซับซ้อนมาก  ผมจึงอยากเพียงแต่สรุปหลักการใหญ่ที่เป็นหัวใจของมัน  ประเด็นแรกก็คือ  ความสุขของคนน่าจะมีสองส่วนนั่นก็คือ  ความสุขในระยะสั้นและความสุขในระยะยาว  หน้าที่ของเราก็คือพยายามทำให้ “ภาพรวม” ของชีวิตเรามีความสุขมากที่สุด  ความสุขในระยะสั้นก็คือ  ความพึงพอใจที่เราได้รับในการกระทำสิ่งต่าง ๆ  ถ้าสิ่งที่เราทำนั้นสนุก  ท้าทาย  และเราประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย  เราก็จะมีความสุข  บางทีการไม่ทำอะไรเลยเอาแต่นอนก็ทำให้มีความสุขได้  เช่นเดียวกัน  การกินหรือดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์   การสูบบุหรี่หรือการเสพยาเสพติดก็เป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความสุขได้  แต่ความสุขเหล่านี้ก็มักจะเป็นความสุขสั้น ๆ  หลังจากนั้นร่างกายก็ “ปรับตัว” กลับสู่ภาวะปกติ  และในอนาคตก็อาจจะนำไปสู่ความทุกข์ได้

ความสุขในระยะยาวของคนนั้นขึ้นอยู่กับการที่เรา “บรรลุเป้าหมายที่มีความหมาย” ในชีวิตของเรา  เป้าหมายที่มีความหมายของแต่ละคนก็แตกต่างกันแม้ว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างร่วมกันอยู่  คนบางคนอาจจะคิดถึงเรื่องของเงิน  อำนาจ  ชื่อเสียง การได้สร้างคุณูปการให้กับสังคมหรือคนอื่น  บางคนอาจจะคิดถึงเรื่องของการอุดหนุนเกื้อกูลศาสนาและการ “นิพพาน”   ใครก็ตามที่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้  เขาก็จะมีแนวโน้มที่จะมีความสุขมากขึ้น

ประเด็นสำคัญก็คือ  ความสุขในระยะสั้นนั้น  บ่อยครั้งก็มักจะขัดกับเป้าหมายหรือความสุขระยะยาวซึ่งทำให้ความสุขโดยรวมของเรานั้นไม่ได้ดีขึ้น  ตัวอย่างเช่น  คนบางคนทำงานหนักมากและงานนั้นไม่ก่อให้เกิดความพึงพอใจ  เป็นงานที่ต้องทนทำ  เป็นความทุกข์แต่เขาต้องทำเพื่อที่จะทำเงินให้มากเพื่อหวังที่จะรวยเพราะหวังที่จะได้รับความสุขในระยะยาว  ซึ่งบางทีเมื่อรวยแล้วก็กลับพบว่าความสุขไม่ได้เกิดขึ้นจริง  ความรวยอาจช่วยให้สามารถซื้อสิ่งของมาปรนเปรอตัวเองได้แต่มันก็เป็นเพียงความสุขสั้น ๆ  ที่จะหายวับไปอย่างรวดเร็ว  มันเป็นความสุขระยะสั้น  ความสุขที่จะอยู่ “ยาว”  ก็คือกระบวนการในการเดินทางสู่เป้าหมายที่มีความหมายในชีวิต  ดังนั้น  คำพูดที่ว่า  ความสุขนั้นไม่ได้อยู่ที่เป้าหมาย  แต่ความสุขคือการเดินทางสู่เป้าหมายนั้นผมคิดว่าเป็นคำพูดที่ถูกต้องแต่จะต้องเพิ่มอีกนึดหนึ่งว่าต้องเป็น  เป้าหมายที่ “มีความหมาย” ด้วย

การที่จะทำให้ชีวิตเรามีความสุขเต็มที่ตามศักยภาพของตนเองนั้นก็คือ  การพยายามทำให้กระบวนการเดินทางสู่เป้าหมายทุกอย่างนั้นก่อให้เกิดความพึงพอใจซึ่งจะก่อให้เกิดความสุขในระยะสั้นให้มากที่สุด และสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวมากที่สุด  แน่นอน  เป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่ทำอะไรที่เราไม่พึงพอใจเลย  คนส่วนใหญ่อย่างน้อยก็ยังต้องทำงานบ้านเช่น ล้างถ้วยชามทำความสะอาดซึ่งอาจจะไม่เกิดความพึงพอใจ  วิธีแก้ก็คือ  “ทำใจ” ให้รู้สึกว่านี่เป็นเรื่อง “ผ่อนคลาย” คิดเสียว่าแม้แต่ บิล เกต เองก็ยังบอกว่าตนเองชอบล้างจาน เพราะมันคลายเครียดดี  แต่สิ่งที่เราควรต้องตระหนักจริง ๆ  ก็คือ  เราจะต้องพยายามหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรืองานที่ก่อให้เกิดความไม่พึงพอใจสูงและเป็นงานที่ต้องใช้เวลามาก  ตัวอย่างเช่น  งานประจำโดยเฉพาะงานที่เราต้องทำเพื่อหาเงินมาใช้ในชีวิตประจำวันและเก็บออมไว้ใช้ในอนาคต  สิ่งที่เราควรทำก็คือ  เราควรหางานที่เราทำแล้วรู้สึกสนุก  ท้าทาย  เป็นงานที่มีความหมาย  ในขณะเดียวกันก็ให้ผลตอบแทนเป็นเงินที่ดีหรือยอมรับได้แม้ว่าอาจจะไม่ใช่งานที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด  นี่จะทำให้เราทำอย่างมีความสุขและอยากไปทำงานทุกวัน และมันก็ยังสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวที่มีความหมายเช่น  ความมั่นคงทางการเงิน  เป็นต้น

งานหรือเป้าหมายที่มีความหมายเองนั้น  หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นงานที่ต้อง “เสียสละ”  ความสุขของตนเองให้เป็นความสุขของผู้อื่น  นี่ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง  เพราะถ้าคุณต้องเสียสละ  มันก็จะไม่ใช่สิ่งที่คุณพอใจ  ถ้าคุณพอใจ คุณย่อมมีความสุข  มันก็ไม่ใช่การเสียสละ  มันเป็นเรื่องที่ได้กันทุกคนไม่มีคนเสีย

และนี่ก็คือเรื่องราวของความสุขแบบสั้นที่สุด  ซึ่ง VI ควรจะต้องเข้าใจและต้องแสวงหากลยุทธ์ที่จะนำเราไปสู่ความสุขที่มากกว่า  แทนที่จะเป็นเงินที่มากกว่า