ถ้าจะลาออก จะ ”บอกเจ้านายยังไงดี” ให้เกิดผลดีกับทุกฝ่าย !?

ถ้าจะลาออก จะ ”บอกเจ้านายยังไงดี” ให้เกิดผลดีกับทุกฝ่าย !?

เจ้านายมีลูกน้องไม่ใช่เพื่อให้เอาไว้โขกสับ แต่ให้มีเพื่อจะได้ช่วยให้งานในแผนกให้บรรลุเป้าหมาย เจ้านายก็ต้อง ให้คำแนะนำ ให้ความรู้ ให้การพัฒนาลูกน้องสิครับ!

Part.1.เรื่องธรรมดา กับ เรื่อง ไม่ธรรมดา เมื่อพนักงาน ลาออก !?

เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ที่แต่ละที่ จะไม่มีพนักงานบางส่วน ลาออกด้วยเหตุผลต่างๆ นานา เพราะมันคือเรื่องปกติ แต่มันจะกลายเป็นเรื่อง “ผิดปกติ” ทันที ที่บางที่ มีพนักงานทยอยลาออกอย่างต่อเนื่อง จำนวนมาก โดยเฉพาะพนักงานที่มีความสามารถ!

Part.2.สำหรับบริษัทที่บริหารจัดการดี และ พนักงานที่ดีเป็นส่วนมาก !?

บริษัทที่บริหารจัดการดี มีผู้นำในทุกระดับที่ส่วนมาก บริหารจัดการดี จะมีพนักงานลาออกจำนวนน้อย

และเมื่อถึง วาระที่พนักงานดีๆ ต้องลาออกด้วยเหตุผลที่ดี

คำแนะนำก็คือ ให้บอกความจริงอย่างสุภาพกับหัวหน้า/เจ้านาย ไม่ว่าจะลาออกด้วยปัญหาสุขภาพ หรือจำเป็นต้องกลับไปช่วยดูแลธุรกิจพร้อมกับดูแลพ่อแม่ไปด้วย หรือเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ให้บอกไปตามความเป็นจริง และขอบคุณหัวหน้า ขอบคุณบริษัท ที่ให้โอกาสดีๆตลอดมา

(ส่วนเหตุผลยอดฮิตที่มักจะใช้ ทั้งที่ไม่ใช่ความเป็นจริงก็เช่น อ้างว่าลาออกไปอยู่ดูแลกิจการที่บ้าน ไปเรียนต่อต่างประเทศ ทั้งๆที่ลาออกไปอยู่กับคู่แข่งหรือทำงานที่อื่น ไม่ควรโกหกแบบนี้ เพราะไม่นาน ความจริงก็จะปรากฏ และหมดความน่าเชื่อถือ)

การบอกลาอย่างมีเหตุผล อย่างสุภาพ จะเกิดผลดีกับตัวพนักงานเอง เพราะในอนาคต พนักงานคนนั้นอาจกลับมาทำธุรกิจกับที่ทำงานเดิม และหัวหน้า/เจ้านาย ก็ยังชื่นชมในความตรงไปตรงมาของพนักงาน

Part.3. ส่วนพนักงานที่ดีและพอใช้ได้ที่มีเจ้านาย แย่ๆ จะบอกยังไง ให้บริษัทได้ประโยชน์ !?

# สำหรับกรณีนี้ มีคำแนะนำพิเศษๆ ที่ควรบอกแบบนี้ เพราะถ้าบริษัทใด มีหัวหน้าและเจ้านายแย่ๆแบบนี้ บริษัทนั้นมีโอกาสที่จะล่มสลาย เพราะการบริหารจัดการที่แย่ๆจากหัวหน้าและเจ้านาย!

แต่การจะบอกเหตุผลที่เป็นเรื่องแย่ๆ ตรงๆ พนักงานที่จะลาออกมักจะไม่ค่อยกล้าพูด กล้าบอก หรือถ้าจะพูดก็อาจหลุดพูดด้วยอารมณ์กลายเป็นทะเลาะ เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตส่งท้ายที่ส่งผลเสียมากกว่า

Part.4. ลองบอก สื่อสารด้วยวิธีนี้ดูสิ !?

วิธีนี้ ไม่แนะนำให้ใช้การพูดต่อหน้าต่อตา เพราะหัวหน้าหรือเจ้านายแย่ๆ จะฟังไม่จบประโยคก็จะสวนกลับ กลายเป็นกระตุ้นอารมณ์ให้ระเบิดทั้งสองฝ่าย

ให้สื่อสารด้วย e-mail และ CC (สำเนา) ถึง ผู้บริหาร HR. และ CEO ด้วย!

เพราะจะทำให้ HR. และ CEO ตาสว่างซะทีว่า ใครคือตัวปัญหาที่แท้จริงในองค์กร!

Part.5. เนื้อหาจะเป็นไปในแนวนี้ !?

(ส่วนข้อเท็จจริงของหัวหน้าหรือเจ้านายแย่ๆ ให้ปรับไปตามที่ท่านเจอในที่ทำงานจริงของท่าน)

เจ้านายครับ ขออภัยด้วยครับที่ไม่ได้มาบอกลาเจ้านายด้วยตัวเอง...“เพราะเห็นเจ้านายยุ่งตลอดเวลา” เลยไม่อยากรบกวนเวลาอันมีค่าของเจ้านาย เจ้านายจะได้มีเวลาทุ่มเทให้กับ “การประชุม” ทุกวันแทบทั้งวันต่อไปได้อย่างเต็มที่..

“ผมขอลาออกครับ!”

อ่านมาถึงตรงนี้ เจ้านายคงไม่แปลกใจ (หรืออาจจะดีใจ) ที่ผมลาออก เพราะเพื่อนๆและน้องๆในแผนก ต่างทยอยลาออกกันเป็นระยะๆ หรือไม่ก็หายไปเฉยๆไม่กลับมาทำงานอีกเลย จนกลายเป็นเรื่องปกติของแผนกเราไปแล้ว(ถ้าเดือนไหนไม่มีใครลาออก จะเป็นเรื่องที่“ผิดปกติ”ของแผนกเราเลยถูกมั๊ยครับ!?)

เหตุผลที่ลาออก..พอจะสรุปเป็นข้อๆได้ประมาณนี้ครับ...

1.เจ้านาย..จะมีเวลาเสมอ กับลูกน้อง “คนโปรด” (ที่ผลงานก็งั้นๆ) ของเจ้านาย...แต่ไม่เคยมีเวลาให้กับลูกน้องทั่วๆ ไป และลูกน้องที่ไม่เป็นที่โปรดปรานเช่นผมกับเพื่อนๆ อีกจำนวนมากในแผนก ที่จะขอคำปรึกษา ขอคำแนะนำเวลาเกิดปัญหา...หรือต้องการความช่วยเหลือ...

พวกผม (ที่ทยอยลาออกไปแล้ว และคาดว่าคงจะทยอยลาออกเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้นี้) ก็เลย ลงมติร่วมกันเป็นเอกฉันท์ว่า ให้เจ้านายอยู่กับลูกน้องคนโปรดของเจ้านายกันเองก็แล้วกัน เนอะ !

2.เจ้านาย ดูจะมีความสุข กับการ “สั่ง” และ ตามจิกงานด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว กับทุกๆ คน(ยกเว้นคนโปรดของเจ้านาย) และทุกครั้งที่ สั่งงาน เจ้านายไม่เคยสอน หรือชี้แนะอะไรเลย บอกให้พวกผมไปทำกันเอง เวลางานไม่ถูกใจ เจ้านายก็ด่า ก็ใส่อารมณ์กับพวกผม...ราวกับว่า พวกผมเป็น “ทาสในเรือนเบี้ย” ของเจ้านาย

อย่ากระนั้นเลย พวกผมเลยลงมติร่วมกันอีกว่า อย่าอยู่ “เป็นทาสอารมณ์” ของเจ้านายอีกเลย...

3.เวลาพวกผมทุ่มเท ทำผลงานแล้วออกมาดี นอกจากเจ้านายจะไม่เคยชมแล้ว ยังเอาผลงานของพวกผม “ไปเสนอหน้า” เพื่อเอาความดีความชอบกับ CEO อีก! (ดีใส่ตัว..ชั่วโยนให้พวกผมอยู่ร่ำไป!)

4.ผมและเพื่อนๆ(ที่ลาออกไปแล้ว) “ทน” อยู่กับเจ้านายมาก็หลายปี นอกจากชีวิตจะไม่มีอะไรดีขึ้นแล้ว สุขภาพจิตกลับแย่ลงไปทุกๆวัน ถึงเวลาประเมินผล เจ้านายก็กดคะแนนจนผมและเพื่อนๆเกือบจะไม่ผ่าน KPI ทำให้อดได้โบนัสก็หลายครั้ง เงินเดือนก็ขึ้นให้แบบ “เสียไม่ได้” (แต่กับลูกน้องคนโปรด เจ้านายก็ประเมินซะสูงลิ่ว ได้ดิบได้ดีเหมือนกับว่า ชาติที่แล้วเป็นพ่อเป็นแม่ ลูกกันกับลูกน้องคนโปรด!)

ผมก็เลยคิดว่า...อยู่กับเจ้านายต่อไป นอกจากจะไร้อนาคตแล้ว อายุอาจจะสั้น เพราะความดันจะผิดปกติครับ!

จริงๆแล้วยังมีอีกหลายข้อ ที่เป็นสาเหตุให้ผมและเพื่อนๆที่ลาออกไปแล้ว ไม่อยากอยู่ต่อ แต่เกรงว่า เขียนไปเขียนมาจะยาวไปจนถึงสิบยี่สิบข้อ... (อีกอย่าง ยิ่งเขียน ของยิ่งขึ้น !) อย่ากระนั้นเลย..

ขอนุญาต “สอนสั่ง” เจ้านาย เป็นการทิ้งทวนก็แล้วกัน ก่อนที่แผนกของเรา จะไม่เหลือใคร หรือเละเทะไปกว่านี้!

ประการแรก...เลิกเป็น “เจ้านาย..แย่ๆ” แล้วเรียนรู้ หาวิธีที่จะเป็น “ผู้นำ และ Coach” สักทีเถอะครับ!

ประการที่สอง..จะมีลูกน้องคนโปรดก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของเจ้านายแทบทุกคนที่จะมีคนโปรด...

แต่ “ได้โปรด ยุติธรรมกับทุกๆคน” แค่นี้ ทุกคนก็รับได้แล้วครับ!

ประการที่สาม...บริษัทให้เจ้านายมีลูกน้อง. ไม่ใช่เพื่อให้เอาไว้โขกสับ แต่ให้มีเพื่อจะได้ช่วยให้งานในแผนกให้บรรลุเป้าหมาย เจ้านายก็ต้อง ให้คำแนะนำ ให้ความรู้ ให้การพัฒนาลูกน้องสิครับ!

ผมคิดว่าคงมีหลายๆบริษัทที่มี “เจ้านายแย่ๆ” อย่างที่ผมและเพื่อนๆเจอ และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ลูกน้องอย่างพวกผม จะไม่ทนอีกต่อไป ไม่นานทั้งแผนกและบริษัทที่มีเจ้านายแย่ๆแบบนี้ก็คงจะล้มเหลวมากกว่าประสบความสำเร็จ..

สุดท้ายนี้...ก็ได้แต่แอบหวังว่า เจ้านายจะนำสิ่งที่ผมเขียน ไปคิดไปทบทวน..ส่วนเจ้านายจะคิดจะทำอะไรต่อมิอะไร แบบเดิม หรือ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ก็สุดแต่เวรแต่กรรมของแผนก ของบริษัทและของ ทุกๆคนที่เป็นลูกน้องเจ้านายก็แล้วกัน!

ปล. ขอบคุณเจ้านายมากๆ ที่ช่วยฝึกฝนให้ผมและเพื่อนๆมีความอดทน ต่อความทุกข์ยาก “ที่เกิดจากการกระทำของเจ้านายล้วนๆ!” หวังว่า ชาตินี้ พวกผมคงจะไม่ต้องไปพบ ไปเจอเจ้านายแบบนี้อีก คงจะหมดเวร หมดกรรมซึ่งกันแล้ว..

จาก ลูกน้อง(ที่ไม่ใช่คนโปรด)