Zero Waste เป้าหมายที่ต้องรับผิดชอบ

Zero Waste เป้าหมายที่ต้องรับผิดชอบ

“ขยะ” ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของบ้านเราขนาดที่ถ้าจัดอันดับในการกำจัดขยะโดยการทิ้งลงทะเล บ้านเราถือว่ามีการทิ้งขยะลงทะเลมากสุดเป็นอันดับที่ 5 ของโลกทีเดียว

และแค่ในกรุงเทพมหานคร เราร่วมกันสร้างขยะมากถึงวันละ 8,500 ตัน ใช้งบมหาศาลถึงวันละ 16 ล้านบาท ในการจัดการ ซึ่งถ้านับรวมใน 1 ปี ต้องใช้งบประมาณมากกว่า 7,000 ล้านบาท/ปี (ข้อมูลจาก echo)

นี่เป็นเพียงการพิจารณาในแง่มิติด้านการเงินและงบประมาณที่ใช้ในการกำจัดขยะแต่หากวิเคราะห์ถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมทั่วโลกล้วนได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างทวีคูณจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลก เช่น การเกิดพายุ ไฟป่า ฝุ่น PM2.5 แผ่นดินไหวร้ายแรงที่ไต้หวัน แผ่นดินที่เป็นเขตร้อน เช่น “ดูไบ” ต้องเผชิญกับน้ำท่วมแสนสาหัส “ซาอุดีอาระเบีย” ต้องเจอกับพายุหิมะ “แคนาดา” เจอไฟป่าที่บ้าคลั่ง 

หรือแม้แต่เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดจากสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ตกหลุมอากาศอย่างแรงเพราะอุณหภูมิในบรรยากาศของโลกที่สูงขึ้นทำให้ลมกรด หรือ Jet Stream ซึ่งเป็นลมที่ใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมการบินแปรปรวน ฯลฯ 

ในส่วนบ้านเรา ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ และนักวิชาการต่างก็ออกมาเตือนอยู่บ่อยครั้งถึงภาวะโลกร้อนและปรากฏการณ์ทั้ง “เอลนีโญ” ที่ทำให้อุณหภูมิในช่วงที่ผ่านมา ร้อนจัดทะลุ 50องศา ส่งผลต่อสุขภาพ รวมถึงฝนตกน้อย น้ำน้อย ผลิตผลทางการเกษตรไม่ดีพอ เกิดภาวะแล้งจัดถึงเดือน พ.ค.และจะแปรเข้าสู่ภาวะ “ลานีญา” อย่างรวดเร็ว ที่จะทำให้เกิดฝนตกหนัก ปริมาณน้ำมากเกินความต้องการในเดือน มิ.ย. และ ส.ค. จะเข้าสู่ภาวะลานีญาเต็มรูปแบบ จนอาจเสี่ยงน้ำท่วม ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต ซึ่งเราน่าจะจดจำได้ถึงการเกิดน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศในปี 2554ที่รุนแรง และคร่าชีวิตผู้คนไปกับสายน้ำ

ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศมหาวิทยาลัยเรดดิง (University of Reading) Richard Allan ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตอนนี้ทั่วโลกต้องเร่งจัดการกับก๊าซเรือนกระจกอย่างเร่งด่วน ก่อนที่อุณหภูมิเฉลี่ยโลกจะสูงกว่า 2°Cเป็นการถาวร สร้างผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจคาดเดาได้ บ้านเราเองก็เคยพบกับภัยธรรมชาติที่ก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งทรัพย์สินและผู้คนที่ล้มตาย จากเหตุสึนามิใน ปี 2547 ซึ่งยังคงสร้างความเจ็บปวดต่อครอบครัวผู้สูญเสีย

นอกจากนี้ น้ำที่ละลายจากขั้วโลกทั้งเหนือและใต้ จะทำให้หลายเมืองจมอยู่ใต้มหาสมุทร ซึ่งกรุงเทพมหานครก็เป็น 1 ใน 6 เมืองนั้น โดยคาดว่าภายในปี 2030 พื้นที่ 40% ของกรุงเทพฯ จะถูกน้ำท่วมเสียหาย ทั้งจากฝนที่ตกหนัก และน้ำหนักของตึกระฟ้าที่ยิ่งส่งผลให้เมืองกรุงเทพฯ ต้องจมลงในอัตรา 0.8 นิ้วต่อปี น้ำทะเลจะเป็นกรด ส่งผลต่อระบบนิเวศในทะเล พืชและสัตว์ทั้งบนบกและทะเลจะสูญพันธุ์ เกิดโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำ สิ่งมีชีวิตเล็กๆ เช่น ยุง แมลง ไวรัส และเชื้อโรคต่างๆ ทำให้วงจรชีวิตของมันสั้นลงแต่แพร่ขยายพันธุ์เร็วขึ้น และอาจปรับตัววิวัฒนาการได้เร็วขึ้นด้วย

และจากการจัดลำดับความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Risk Index Score) ของ Germanwatch ได้ระบุว่า ประเทศไทยมีความเปราะบาง และมีความเสี่ยงสูงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือ อยู่ในลำดับที่ 13 กรมอุตุนิยมวิทยาสรุปว่าตั้งแต่ปี 2016-2035 ไทยมีอุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น โดยวันที่อากาศร้อนสุดขีดจะเกิดบ่อยขึ้น ฤดูร้อนยาวนานขึ้น ส่วนฤดูหนาวมีระยะเวลาสั้นลง เกิดพายุหรือฝนตกอย่างหนัก ลมพัดรุนแรงขึ้นในแต่ละครั้ง เกิดภัยแล้งเพิ่มมากขึ้น

“Zero Waste” หรือ การมุ่งเน้นไปที่การลดปริมาณขยะที่สังคมสร้างขึ้น การลดปริมาณการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น การใช้ซ้ำ และการคัดแยกเพื่อนำกลับไปใช้ใหม่ ก่อนนำขยะเหล่านั้นไปกำจัด เพื่อทำให้ของเหลือใช้หรือขยะเหล่านั้นเกิดประโยชน์สูงสุด จึงเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่เราทุกคนคงอยากให้เกิดขึ้น 

ซึ่งในฐานะผู้บริหารจัดการชุมชนกว่า 250 โครงการทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม จึงมีแนวคิดในการบริหารจัดการขยะให้เข้าถึงปลายทางของการ Recycle หรือ Up-Cycling อย่างแท้จริง จึงเกิดความร่วมมือกับบริษัท “Recycle Day Thailand” ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมการแยกขยะ เพื่อการรับผิดชอบต่อสังคมในการนำส่งขยะกำพร้า ขยะที่ไม่สามารถแปรรูปได้ในอดีต เช่น ถุงพลาสติกใส่อาหาร และขยะรีไซเคิลจากชุมชนต่างๆ เข้าสู่กระบวนการ Recycle อย่างแท้จริงได้ 

ขณะเดียวกัน ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือจากลูกบ้านกว่า 2 แสนครอบครัวร่วมกันคัดแยกขยะ ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดี เด็กๆ ได้เรียนรู้และสนุกสนานในการคัดแยกขยะผ่านถังขยะแยกประเภทในพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งมีป้ายบอกประเภทขยะชัดเจน ทั้งขยะกระดาษ พลาสติก ขวดแก้ว หรือแม้แต่ขยะพิษ 

ขณะที่แต่ละชั้นของอาคารชุด จะมีห้องเก็บขยะแบบแยกประเภท เป็นขยะเปียกและขยะแห้ง มีแม่บ้านประจำโครงการทำหน้าที่จัดเก็บุทุกวันในช่วงเย็นด้วยถุงขยะที่มีความแน่นหนา เพื่อไม่ให้หก เลอะเทอะ และรวบรวมไว้ที่จุดพักขยะ เพื่อเจ้าหน้าที่ของ กทม. จัดเก็บได้สะดวก ถูกสุขลักษณะ

นอกจากนี้ มีวิธีง่ายๆ ที่เรามีส่วนร่วมได้ทันที ภายใต้หลักการ 1A3R เพื่อจัดการ Zero Waste คือ

1.Avoid หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งที่ก่อให้เกิดขยะเพิ่ม ลดปริมาณการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็นลง เช่น หลีกเลี่ยงการใช้ถุงพลาสติก แก้วพลาสติก หรือของที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง

2.Reduce ลดการใช้ทรัพยากรที่ก่อให้เกิดขยะ หรือให้เหลือเศษขยะน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น ใช้กล่องบรรจุอาหารแทนการใช้กล่องโฟม ลดการใช้กระดาษ (paperless) 

3.Reuse นำของที่ยังใช้ได้กลับมาใช้ใหม่ เช่น การใช้กระดาษสองหน้า เก็บบรรจุภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกมาใช้ใหม่ พกถุงผ้าหรือกระบอกน้ำส่วนตัวไปซื้อของ

4.Recycle โดยแยกขยะให้ถูกต้องตามประเภทของวัสดุ เช่น แก้วกระดาษ โลหะ พลาสติก ขยะอันตราย เพื่อการจัดการขยะที่ปลายทางอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด 

กว่า 30 ปี ของการให้ความรู้เรื่องขยะและการแยกประเภท ผ่านการลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรม คิดว่าแนวคิด “ZeroWaste” ได้เข้าไปอยู่ในใจหลายๆ คนแล้ว และตอนนี้เราผ่านสถานการณ์โควิดที่จำเป็นต้องใช้ภาชนะ ถุง รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ แบบ “ต้องทิ้ง” จำเป็นต้องสิ้นเปลืองมาแล้ว เรามารวมใจกันอีกครั้งในการสานฝันทำขยะให้เป็นศูนย์กันนะคะ เพื่อโลกที่สวยงามและปลอดภัยค่ะ