“จีนกับรัสเซีย พันธมิตรซึ่งไม่เสมอภาค”
ในระยะเวลาอันสั้น เพียงแค่สองสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์ในยูเครนพลิกผัน กองกำลังของยูเครนผลักดันกองทหารรัสเซียออกนอกเขตที่ยึดครองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน กว่า 6,000 ตารางกิโลเมตร
ความระส่ำระสายของกองทหารรัสเซีย อาวุธยุทโธปกรณ์ซึ่งโดนทำลายหรือถูกยึด ทหารรัสเซียจำนวนมากโดนจับเป็นเชลยศึก เป็นภาพที่ออกมาสร้างความประหลาดใจ เพราะไม่มีใครคาดหวังว่ารัสเซียจะดำเนินการผิดพลาดถึงขนาดนี้
ผู้นำรัสเซียทั้งฝ่ายทหารและการเมืองกำลังวุ่นวาย สร้างขวัญให้กับประชาชนและทหาร พร้อมส่งสัญญาณความมั่นใจว่า “การปฎิบัติการทางทหารแบบพิเศษ”ในยูเครนนั้น เป็นเพียงแค่ช่วงการปรับยุทธวิธี ถอยมารวมกลุ่มกันก่อน และความมุ่งมั่นที่ประกาศไว้ จะทำให้สำเร็จ ขณะเดียวกันมีการสั่งสอบสวน เพื่อแก้ไขปัญหาภายในเป็นการด่วน เช่นเรื่องการคอรัปชั่นในการผลิตอาวุธต่างๆ
แต่ผู้ติดตามสถานการณ์ในยูเครนส่วนใหญ่มีความเห็นทำนองเดียวกันว่า กองทัพรัสเซียนั้นโดนทดสอบหนัก และท่าทางจะสอบไม่ผ่าน การแก้ไขปัญหาจะต้องใช้เวลานาน และใช้ทรัพยากรเป็นจำนวนมาก ทำให้ความกดดันของผู้นำเพิ่มขึ้นทุกวัน และมีความจำเป็นที่จะต้องหาพันธมิตรมาช่วยเหลือในทุกวิถีทาง
ผู้นำรัสเซียเหลือทางเลือกไม่มาก การเจรจาต่อรองทางการทูต หรือหาข้อตกลงโดยสันติวิธีนั้น แทบจะไม่มีหนทาง เนื่องจากผู้นำยูเครนประกาศว่าจะใช้โมเมนตัมนี้ ขับไล่ต่อเนื่อง เพื่อเอาดินแดนที่รัสเซียยึดครองทั้งหมดกลับมาคืน รวมทั้งไครเมียที่ถูกยึดไปตั้งแต่ปี 2557
ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคงทั่วโลก กำลังจับตามองการประชุม Shanghai Cooperation Organization (SCO) ที่เมือง Samarkand ประเทศ Uzbekistan (15-16 ก.ย. 2565) ซึ่งนับว่าเป็นครั้งพิเศษที่สุด เนื่องจากเป็นการพบกันระหว่างผู้นำของจีนและรัสเซียเป็นครั้งแรก ตั้งแต่สงครามยูเครนเริ่มขึ้นเมื่อเดือนก.พ.ปีนี้
SCO มีสมาชิกเก้าประเทศ ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ. 2544 สำนักงานใหญ่อยู่ที่ปักกิ่ง วัตถุประสงค์คือความร่วมมือในภูมิภาคยูเรเชียน ด้านการเมือง เศรษฐกิจและความมั่นคง สมาชิกคือ China India Iran Kazakhstan Kyrgyzstan Pakistan Russia Tajikistan Uzbekistan
ผู้นำรัสเซียหวังว่าการพบกันกับผู้นำจีนในครั้งนี้ จีนจะแสดงท่าทีชัดเจนเข้าข้างรัสเซีย และสนับสนุนการปฎิบัติการในยูเครน แต่ผู้นำจีนระมัดระวังคำพูด กล่าวย้ำถึงความเป็นพันธมิตรโดยไม่มีขีดจำกัด แต่เลี่ยงคำกล่าวเกี่ยวกับยูเครน และเลือกสรรเน้นว่า จีนสนับสนุนการแก้ไขปัญหาเพื่อความสงบ จึงกลายเป็นว่าครั้งนี้แถลงการณ์ส่วนใหญ่มาจากด้านรัสเซีย
หลังการประชุมทวิภาคีกับจีน วันที่15 ก.ย 2565 ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียกล่าวว่า “ทางรัสเซียเข้าใจ ถึงการที่จีนต้องรักษาความสมดุลย์ และมีคำถาม รวมทั้งความห่วงใย เกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน และจะขอตอบคำถามต่างๆ เมื่อมีโอกาสประชุมส่วนตัว”
คำกล่าวจากผู้นำรัสเซียออกมาลักษณะนี้ ทำให้มีการวิเคราะห์จากหลายฝ่ายว่า จีนกำลังเดินแผนยุทธศาสตร์เชิงลึก ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพราะความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนี้จีนเป็นฝ่ายได้เปรียบ หมายถึงรัสเซียต้องพึ่งพาอาศัยจีน มากกว่าที่จีนต้องพึ่งพาอาศัยรัสเซีย
รัสเซียเป็นคู่ค้าประมาณ 2.8% ของจีน ขณะที่จีนคือคู่ค้าที่สำคัญของรัสเซียที่ 16% นับตั้งแต่สงครามในยูเครนเริ่มต้น ธนาคารกลางของรัสเซียงดรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจ แต่มีผู้เชี่ยวชาญในยุโรปประเมินว่า จีนเป็นลูกค้าการส่งออกของรัสเซียถึง 24% (เศรษฐกิจจีนใหญ่กว่ารัสเซีย 10 เท่า)
ตัวเลขของการซื้อขายระหว่างสองประเทศ ภายในแปดเดือนที่ผ่านมาของปี 2565 เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 31.4% ที่ 117,200 ล้านเหรียญ เทียบกับปีที่แล้วทั้งปี 147,000 ล้านดอลลาร์ เงินหยวนของจีนขณะนี้มีการแลกเปลี่ยนในตลาดหลักทรัพย์มอสโกถึง 20% ทั้งที่ในอดีตเมื่อต้นปีนี้เงินหยวนของจีนแลกเปลี่ยนเพียงแค่ 0.5% รัสเซียส่งน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และผลผลิตทางการเกษตร
สองประเทศเริ่มใช้เงินตราของตนเอง ทั้งสองสกุล ซื้อขายสินค้าเหล่านี้โดยตรง โดยไม่ต้องเปลี่ยนเป็นอเมริกันดอลล่าร์เหมือนในอดีต รัสเซียมีความจำเป็นต้องหาลูกค้าให้ได้ เพื่อทดแทนกับลูกค้าชาวตะวันตกที่หายไป ขณะเดียวกันจีนได้ซื้อพลังงานในราคาถูกเป็นพิเศษ
นักธุรกิจจีนฉวยโอกาสเข้าไปทำการค้าในรัสเซีย เพื่อทดแทนช่องว่างที่บริษัทจากตะวันตกถอนตัว และมันสมองชาวรัสเซียที่ไหลเทออกนอกประเทศ ตั้งแต่การรุกรานยูเครนเป็นต้นมา
Xiaomi เป็นโทรศัพท์มือถือของจีนซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดปัจจุบันถึง 42% ในรัสเซีย ขณะที่ Samsung ซึ่งเคยเป็นยอดนิยมอันดับหนึ่ง ปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดลดเหลือเพียงแค่ 8.5% ส่วน Apple ซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถืออันดับหนึ่งของโลก มีส่วนแบ่งการตลาดเหลืออยู่ 7%
Samsung และ Apple เคยครองส่วนแบ่งการตลาดในรัสเซียกว่าครึ่ง แต่ปัจจุบันได้ยกเลิกการขายสินค้าใหม่ทั้งหมด เหลือเพียงแค่บริการสินค้าที่จำหน่ายไปแล้ว รถยนต์จากจีนเข้ายึดครองตลาดในรัสเซีย ปัจจุบันที่ 26% เทียบกับปีที่แล้วเพียงแค่ 9.5%
จีนอยู่ในภาวะที่ได้เปรียบในการเป็นพันธมิตรที่มีความเข้มแข็งมากกว่า ประเทศในเอเชียกลาง ซึ่งในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต และปัจจุบันเป็นสมาชิกของ SCO ก็กำลังจับตาการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย เพราะห่วงว่าจะเกิดขึ้นกับตนเช่นกัน ประเทศเหล่านี้เริ่มเอนเอียงสร้างความสัมพันธ์แน่นแฟ้น และพึ่งพาด้านเศรษฐกิจกับจีนมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ทางรัสเซียก็ไม่พอใจ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันไม่สามารถทำอะไรได้
หากรัสเซียเข้มแข็งขึ้น จีนก็ไม่มีอะไรเสีย และกลับได้ประโยชน์ เนื่องจากเป็นพันธมิตรซึ่งมีส่วนสำคัญในการพยุงกันไว้ตอนลำบาก และการส่งออกทรัพยากรพลังงานในระยะยาวจากรัสเซียสู่จีนก็จะมีความมั่นคง
การประชุมใหญ่ G20 ที่บาหลี และ APEC ที่กรุงเทพฯในเดือนพฤศจิกายนนี้ อาจเห็นความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียชัดขึ้น สองยักษ์ใหญ่นี้จะร่วมมือกันเปิดทางเลือกใหม่หรือจัดระเบียบโลกใหม่ มาแข่งกับระเบียบโลกปัจจุบันซึ่งนำโดยชาวตะวันตกได้หรือไม่