มองโลกมองไทย ส่งท้าย ค.ศ. 2023
จับตาปี 2567ยูเครนได้รับการช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาและกลุ่มนาโต้เพียงพอที่จะต่อต้านความมุ่งมั่นของรัสเซียได้เพียงใด ด้านเมียนมาอาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไทยอาจจะกลายเป็นเวทีเจรจา โอกาสพัฒนาฟื้นฟูประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลบวกกับจีดีพีของไทยได้
ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงขณะนี้ มีหลายอย่างเกิดขึ้นในต่างประเทศและในไทย ที่อาจทำให้เป็นปีแห่งความทรงจำของหลายคน เศรษฐกิจโลกยังไม่เข้าที่ ไม่ตายแต่ไม่โต ปีนี้จะลงเอยอย่างไร และทิศทางของปีใหม่ 2024 มีอะไรรออยู่
ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเป็นสิ่งท้าทายที่หลายคนกล่าวถึง
ผู้ที่ขัดสนก็จะรู้สึกว่าเวลาแต่ละวันเดือนปีเดินช้ากว่าปกติ ส่วนใครที่มีเงื่อนไขปัจจัยทางเศรษฐกิจดีกว่าก็อาจจะไม่รู้สึกเช่นนั้น คำนิยามของคำว่า “วิกฤต” สำหรับแต่ละคนจึงอาจไม่เหมือนกัน กลายเป็นบทสนทนารุ่มร้อนในเวทีการเมือง
เมื่อตอนต้นปี ทั่วโลกรวมทั้งไทยตั้งความหวังไว้มากกับจีน นโยบายเปิดประเทศเลิกเข้มงวดเรื่องโควิด ช่วยให้เศรษฐกิจจีนบูมระยะหนึ่ง แต่บูมไม่กี่เดือนก็ลดลง กำลังการซื้อของชาวจีนชะลอลง เนื่องจากขาดความมั่นใจกับอนาคต ความหวังที่ฝากไว้กับอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นสมบัติที่ช่วยทำกำไร กลับกลายเป็นภาระที่มีความเสี่ยง อุตสาหกรรมส่งออกของจีนอ่อนลงตามกำลังการซื้อของต่างประเทศ
หกเดือนแรกของปีนี้ ชาวจีนออกนอกประเทศ 40.3 ล้านคน คาดว่าถึงสิ้นปีนักท่องเที่ยวชาวจีนจะออกนอกประเทศประมาณไม่เกิน 40% ของปีค.ศ. 2019 ซึ่งชาวจีน 155 ล้านคนไปเที่ยวต่างประเทศ ใช้เงิน $127.5B (จีนขาดดุล)
ขณะเดียวกันปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าจีนน้อยมาก ครึ่งปีแรกของ 2023 มีชาวต่างชาติเข้าจีน 477,800 คน ซึ่งเปรียบเทียบกับปี 2019 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าจีน 31.88 ล้านคน รายได้เข้าจีน $77B
จีดีพีของไทย 11.5% ฝากไว้กับการท่องเที่ยว
ปีนี้ 2023 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วกว่า 24.5 ล้านคน เทียบกับสมัยก่อนโควิดปี 2019 นักท่องเที่ยวเข้าไทยกว่า 39.8 ล้านคน แม้ตัวเลขยังไม่เข้าเป้า แต่ความพยายามของทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนประชาสัมพันธ์อย่างเข้มแข็ง น่าจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวในปีหน้ามีจำนวนสูงขึ้น นโยบายทดลองวีซ่าฟรีอาจช่วยได้บ้าง ธุรกิจใหญ่น้อยที่ผูกพันกับการท่องเที่ยวแทบจะหมดออกซิเจนในช่วงโควิด ขอส่งกำลังใจให้ท่านฟื้นฟูโดยเร็ว สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งเราหวังไว้มากนั้น อาจสรุปปีนี้ที่ประมาณ 3 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 5 ล้านคน
การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐในอีก 11 เดือนข้างหน้าจะส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมทั้งไทย
ทำเนียบขาวต้องพยายามใช้กลวิธีประคองเศรษฐกิจให้ประชาชนมีความรู้สึกมั่นใจและมีความหวัง เพื่อผลการเลือกตั้งให้ฝ่ายรัฐบาลได้ชนะการเลือกตั้งได้ทำงานต่อไปอีกหนึ่งสมัย
อาจส่งผลดีต่อไทย เช่น รัฐบาลสหรัฐจะพยายามควบคุมราคาน้ำมันดิบ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเคยกังวลว่าอาจจะพุ่งสูงขึ้นปลายปี เกินกว่า 100 เหรียญต่อบาร์เรลเนื่องจากสงครามในยุโรปและตะวันออกกลาง แต่มาตรการหลายอย่างของสหรัฐส่งผลให้ราคาน้ำมันขณะนี้อยู่ที่ประมาณแค่ 70 เหรียญต่อบาร์เรล และคาดว่าจะไม่ขึ้นเกินกว่า 85 เหรียญต่อบาร์เรลตามเป้าหมายของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันโอเปคพลัส
สหรัฐอเมริกาควบคุมเงินเฟ้อได้ (3.2%) แม้ดอกเบี้ยจำเป็นจะต้องสูง (5.25-5.5%) ดัชนีหุ้นของสหรัฐขึ้นสูงเป็นที่น่าพอใจ
วิกฤติในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลกับกาซ่าดูเหมือนจะจำกัดขอบเขตได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจเกิดขึ้นจากการแทรกแซงของสหรัฐ และการตัดสินใจของกลุ่มอาหรับและมุสลิมที่ใช้ความอดทนอดกลั้น วิสัยทัศน์ไกล ใช้การทูตเจรจาต่อรองเพื่อหาทางออก ภาวนาให้ตัวประกันทุกชาติ โดยเฉพาะชาวไทยประมาณเก้าคนที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัวนั้น ปลอดภัยและได้รับอิสรภาพโดยเร็ว ขณะเดียวกันทั่วโลกอยากเห็นการหยุดยิงของทั้งสองฝ่าย และนำมาสู่การเจรจาหาทางออกเพื่อให้ประชาชนในภูมิภาคนั้นอยู่ร่วมกันโดยสันติ
หลังจากทุลักทุเลหลายเดือนจากการเลือกตั้งกลางพฤษภาคมจนถึงปลายสิงหาคม ไทยเสียเวลานานกับการจัดตั้งรัฐบาล ฝ่ายอนุรักษ์นิยมใช้ชั้นเชิงทางการเมืองปิดกั้นโอกาสของคนหนุ่มสาวเสรีนิยม เวลาที่เสียไปส่งผลกระทบทำให้งบประมาณประจำปีของภาครัฐล่าช้า การลงทุนภาครัฐสะดุด เงินหมุนเวียนในกระแสที่ต่ำอยู่แล้วลดลงอย่างน่าเป็นห่วง หนี้สินครัวเรือนสูงขึ้นเป็นประวัติศาสตร์ ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางอยู่ในสภาพย่ำแย่ เสียงประชาชนและสมาคมธุรกิจหลายกลุ่มยืนยันถึงความจำเป็นต้องอัดฉีดเงินเข้าในในระบบโดยรีบด่วน ประชามติล่าสุดออกมาว่า 70% ของประชาชนเห็นด้วยกับนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท แต่ดูเหมือนจะต้องฟันฝ่ากันไปอีกหลายรอบหลายเดือนกว่าเงินจะหมุนเวียนจริง ปีนี้เงินไหลออกนอกประเทศคาดว่าอาจถึง 350,000 ล้านบาท
ความหวังฝากไว้กับรัฐบาลนายกเศรษฐา
แม้ว่าจะถูกจับผิดเพราะขาดต้นทุนทางการเมือง แต่นายกป้ายแดงได้สร้างผลงานเด่นด้วยความขยัน นำคนใกล้ชิดออกประชาสัมพันธ์ในหลายประเทศ เป็นมือขายอันดับหนึ่ง มีความหวังว่าบริษัทมีชื่อเสียงหลากหลายประเทศสนใจที่จะมาลงทุนในไทย และทูตไทยทั่วโลกปรับตัวเป็นนักการค้าเชิงรุกโปรยเสน่ห์ซอฟพาวเวอร์ รัฐบาลผลักดันนโยบายประชานิยมหลายอย่าง เช่น ลดราคาพลังงาน ช่วยเหลือเรื่องหนี้ เร่งแก้ปัญหาคอรัปชั่นต่างๆ หาทางแก้ไขปัญหาเรื่องตลาดหุ้นไทย ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้ปฏิรูปการศึกษา กรณีคะแนนทดสอบ PISA ที่ออกมาอย่างน่าผิดหวัง
จับตามองปีหน้าค.ศ. 2024
ยูเครนจะได้รับการช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาและกลุ่มนาโต้เพียงพอที่จะต่อต้านความมุ่งมั่นของรัสเซียได้เพียงใด
การเลือกตั้งในไต้หวันและอินโดนีเซียจะออกมาแนวเดิมหรือไม่
เมียนมาอาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไทยอาจจะกลายเป็นเวทีเจรจา โอกาสพัฒนาฟื้นฟูประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลบวกกับจีดีพีของไทยได้ หรืออาจเป็นสิ่งท้าทายให้ไทยต้องแบกรับช่วยเหลือเรื่องมนุษยธรรม
จีนจะมีมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างไร ความเปราะบางในระดับผู้นำ เช่นตำแหน่งรัฐมนตรีสำคัญต่างๆนั้นจะลงเอยอย่างไร
การเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐฯ หากไม่มีอะไรพลิกผัน คาดว่าพรรคเดโมแครตจะชนะได้ครองทำเนียบขาวอีกต่อไป แนวโน้มจะชิงเสียงข้างมากในสภาผู้แทนกลับมาคืนนั้นมีสูงมาก วุฒิสภามีความเสี่ยงเรื่องอาจสูญเสียเสียงข้างมากแต่โอกาสที่จะรักษาไว้ได้ก็ยังมี 50:50
แต่ไม่แน่ว่าผู้เข้าชิงในนามพรรคเดโมแครตนั้นจะเป็นไบเดนหรือไม่ และฝ่ายรีพับลิกันก็ไม่แน่ว่าจะเป็นทรัมป์
นอกเหนือจากนั้นอาจมีตัวแปรม้ามืด ที่ภาวนาว่าอย่าให้เกิดขึ้น เช่น สงครามนิวเคลียร์ การก่อการร้ายโดยไซเบอร์ โรคระบาดใหญ่ ภัยธรรมชาติรุนแรง ปัญญาประดิษฐ์ที่ควบคุมไม่ได้ เป็นต้น
เราระมัดระวังเตรียมพร้อมในสิ่งที่เราทำได้ แต่หากสุดวิสัยเกิดอะไรขึ้นเกินกว่าที่เราจะป้องกันได้ ก็ต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์ด้วยความรอบคอบและไม่ประมาทครับ