มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน ปัจจัยต่างแดนที่ไม่ควรมองข้าม

หลังจากภาคอสังหาฯ เกิดวิกฤติมานานฉุดรั้งทั้งเศรษฐกิจจีนและทั่วโลก ครั้งนี้มีรายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลการเงินของจีนสั่งให้ธนาคารเร่งปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว หรือที่เรียกว่า “บัญชีขาว” เพื่อช่วยพยุงตลาดอสังหาฯ ที่กำลังซบเซา

นอกจากนี้ยังมีจากการสำรวจพบว่าจำเป็นต้องสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ 1.7 ล้านยูนิตในเมืองใหญ่ๆ โดยรัฐบาลจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ “หมู่บ้านเมือง” 1 ล้านยูนิตในระยะแรก และพร้อมที่จะขยายขอบเขตของโครงการหากมีความจำเป็น ส่วนคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยรัฐบาลตั้งเป้าจะสร้างที่อยู่อาศัยราคาประหยัดจำนวน 1.48 ล้านหน่วยภายในสิ้นปีนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากลำบากในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยของกลุ่มคนดังกล่าว และควรมีการปรับปรุงขนาดของหน่วยที่อยู่อาศัยให้ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของครอบครัวขนาดใหญ่ด้วย เรียกว่าเป็นการมองปัญหาอย่างครอบคลุม

เรื่องอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำถ้าล้มแล้วจะส่งผลไปถึงธุรกิจอื่นๆ ด้วย เหตุที่ต้องสนใจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนเพราะจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว จีนเป็นหนึ่งในคู่ค้าหลักของไทย การที่จีนมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยเพิ่มความต้องการสินค้านำเข้าจากไทย ซึ่งรวมถึงสินค้าเกษตร อาหาร  ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ   หากจีนสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว จะส่งผลให้การค้าระหว่างสองประเทศคึกคักมากขึ้น

ด้านการลงทุนและการผลิตอุตสาหกรรมหนัก หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน การลงทุนในโครงการร่วมระหว่างสองประเทศอาจเติบโตได้โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่จีนต้องการขยาย เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ พลังงานสะอาด ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวไม่ต้องพูดถึงจีนเป็นตลาดนักท่องเที่ยวสำคัญของไทย หากเศรษฐกิจจีนฟื้น ประชาชนมีเงินจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ย่อมมาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ตอนนี้การท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวจากโควิดแล้วก็จริงแต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนยังไม่เป็นไปตามเป้าต้องอาศัยเวลา 

กล่าวโดยสรุปมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนไม่ใช่เรื่องไกลตัว การเติบโตที่มั่นคงในจีนจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในหลายด้าน อย่างไรก็ตาม ไทยควรเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในบริบทของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอนอยู่ในขณะนี้ รวมถึงปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามในตะวันออกกลาง สงครามในยูเครน ความขัดแย้งในเมียนมา รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย.นี้