คริปโตจะไปต่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐโดยเฉพาะภาษี

คริปโตจะไปต่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐโดยเฉพาะภาษี

ถึงแม้ว่าคริปโตจะได้ผ่านวัฎจักรของตลาดในระดับโลกมาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้งแต่ในครั้งนี้อาจมีความแตกต่างจากทุกครั้งตรงที่ประชากรจำนวนไม่น้อยของโลกได้เริ่มเข้าใจและมีประสบการณ์ตรงกับคริปโตได้ทุ่มเทเงินจำนวนไม่น้อยเข้ามาในตลาดของคริปโต

และรัฐบาลต่างๆ ได้เริ่มกำหนดนโยบายออกมากำกับดูแลคริปโตโดยเฉพาะอย่างยิ่งการคำนวนภาษีของคริปโต

บทความนี้ไม่ได้ตั้งใจจะบอกว่าภาษีของคริปโตนั้นไม่ดีแต่จะบอกว่าในทางกลับกันรัฐบาลต่างๆ มีนโยบายสำหรับส่งเสริมการลงทุนในรูปแบบอื่นๆที่ไม่ใช่คริปโตด้วยการยกเว้นภาษีแต่เมื่อเป็นคริปโตแล้วกลับไม่ได้สิทธิประโยชน์เหล่านั้นเลย

 

ไม่ว่าจะเป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งในปีนี้อาจจะเปิด LiVE Exchange ที่เป็นกระดานเทรดหุ้น

สำหรับ SMEs และ Startups ก็มีการยกเว้นภาษีกำไรสำหรับบุคคลธรรมดาและยังมีนโยบายจากอีกหลายหน่วยงาน อาทิเช่นสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกฯลฯที่สามารถยกเว้นภาษีในรูปแบบต่างๆ

เชื่อหรือไม่ว่าการเสียภาษีเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการลงทุนนักลงทุนทั่วไปย่อมเลือกช่องทางที่จะเสียภาษีน้อยกว่าหรือไม่ต้องเสียภาษีเลย

ปีนี้เป็นปีแรกที่กรมสรรพากรมีช่องให้กรอกรายได้จากการลงทุนในคริปโตเพื่อใช้คิดคำนวนภาษีภาษีจากคริปโตจึงเป็นที่รับรู้ของนักลงทุนทั่วประเทศแล้ว

ไม่เพียงแต่ช่องทางอื่นๆ จะมีนโยบายในการยกเว้นภาษีแต่ช่องทางจากยุคเดิม อาทิเช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็ได้มีการ Disrupt ตัวเองและเปิดผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ เช่นกระดานเทรดหุ้นใหม่ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะเริ่มลดช่องว่างระหว่างช่องทางจากยุคเดิมและระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลางที่เกิดขึ้นมาบนพื้นฐานของคริปโต

ถึงแม้ว่าในระยะยาวช่องว่างระหว่างช่องทางจากยุคเดิมและระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลางจะยังคงมีอยู่แต่นักลงทุนก็จะต้องชั่งนำหนักระหว่างข้อได้เปรียบจากช่องว่างดังกล่าวกับภาระทางภาษีที่จะต้องมีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่มีรัฐบาลใดๆ ในประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีมาตรการเพื่อส่งเสริมคริปโตซึ่งมาตรการส่วนใหญ่มีไว้เพื่อรักษาความปลอดภัยสำหรับประชาชนที่จะมาลงทุนในคริปโตเพื่อป้องกันการฟอกเงินและเพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีซึ่งประเทศไทยเองก็ไม่ได้มีความแตกต่าง

จริงอยู่สาเหตุหนึ่งที่ความสนใจในคริปโตของคนไทยอาจได้เบาบางลงจากปลายปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาของคริปโตที่ได้ตกต่ำลงมามากแต่ถึงแม้ราคาของคริปโตจะทะยานกลับขึ้นไปสูงกว่าจุดเดิมแต่นักลงทุนก็จะต้องคำนึงถึงภาระหน้าที่ของการที่จะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ และการที่คริปโตอาจจะเริ่มที่จะไม่ใช่อะไรที่ใหม่แล้วและประชากรจำนวนไม่น้อยของโลกและประเทศไทยก็ได้มีประสบการณ์ตรงกับคริปโตแล้วความตื่นเต้นกับอะไรที่ใหม่และไร้ขีดจำกัดก็คงจะไม่มีเหมือนเดิมแล้ว