ไซปรัส

สัปดาห์ที่ผ่านมา สาธารณรัฐไซปรัสตกเป็นข่าวเพราะถูกผลกระทบจากวิกฤติหนี้สาธารณะของกรีซจนกระทั่งซวนเซ
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับไซปรัส พร้อมกับศึกษาข้อมูลว่าวิกฤติของไซปรัสเกิดจากอะไร และตอนนี้ไซปรัสมีสถานะอย่างไร ต้องการความช่วยเหลืออะไร
ไซปรัสเป็นเกาะ ที่มีรูปร่างคล้ายปลากระเบน (ดิฉันมองเอง) มีขนาดใหญ่อันดับสามในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ถัดจากซิซิลี และซาร์ดิเนีย ตั้งอยู่ใต้ประเทศตุรกี และอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรีซ ในอดีตเคยตกอยู่ภายใต้จักรวรรดิโรมัน และต่อมาภายใต้จักรวรรดิออตโตมันตามลำดับ
เดิมไซปรัสเคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ และได้รับเอกราชเมื่อปี 1960 แต่หลังได้รับเอกราชแล้ว ก็ยังไม่เป็นอิสระเสียทีเดียว เพราะเป็นประเทศที่มีทั้งอิทธิพลของกรีซและตุรกี โดยสาธารณรัฐไซปรัสได้รับอิทธิพลจากกรีซ ปัจจุบันใช้เพลงชาติกรีซ ส่วนไซปรัสเหนือ มีประธานาธิบดีแยกต่างหาก ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากตุรกีและใช้เพลงชาติของตุรกี
เกาะไซปรัสเกิดจากลาวาของภูเขาไฟ ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร มีพื้นที่ 9,251 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 1.138 ล้านคน ประชากรมีเชื้อชาติกรีก 77% ตุรกี 18% และอื่นๆ อีก 5%
ภาษาราชการมีสองภาษา คือ กรีกซึ่งใช้ในสาธารณรัฐไซปรัส และภาษาตุรกี ใช้ในไซปรัสเหนือ ทั้งนี้ ประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้
ไซปรัสมีชื่ออยู่ในเทพนิยายกรีกมากมาย นอกจากจะเป็นบ้านเกิดของเทพีวีนัส หรือชื่อในภาษากรีกว่า อะโฟรไดท์(Aphrodite) แล้ว ยังมีเรื่องราวของกษัตริย์พิกมาเลียน (Pygmalion) ซึ่งหลงรักรูปแกะสลักหญิงสาวที่พระองค์ทรงแกะสลักจากงาช้าง จนมีผู้นำมาแต่งเป็นนิยายเรื่อง พิกมาเลียน และมีผู้นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง My Fair Lady หรือ บุษบาริมทาง ซึ่งศาสตราจารย์ฮิกกิ้น หลงรักเด็กสาวที่นำมาฝึกหัดให้พูดด้วยสำเนียงของชนชั้นสูง
เล่าเรื่อง กำเนิดของเทพีวีนัส ก่อนดีกว่าค่ะ เทพีวีนัสมีกำเนิดจากทะเล โดยเธอลอยขึ้นมาจากทะเลในลักษณะอยู่บนเปลือกหอย และมาขึ้นฝั่งที่เกาะไซปรัส เพราะฉะนั้น หากไปเที่ยวไซปรัสก็จะได้ไปเที่ยวชมสถานที่ที่มีแต่ประวัติของเทพนิยายกรีก เช่น จุดที่เป็นที่อาบน้ำจุดโปรดของเทพีวีนัส (อะโฟร์ไดท์) หรือหินของเทพีอะโฟร์ไดท์ เป็นต้น
ชื่อของเกาะไซปรัส ได้มาจากชื่อพระธิดาของกษัตริย์พิกมาเลียนซึ่งมีพระมารดาที่มาจากรูปแกะสลัก เรื่องมีอยู่ว่า กษัตริย์พิกมาเลียนของไซปรัส หลงรักรูปแกะสลักหญิงสาวที่พระองค์ทรงแกะขึ้นเอง จึงทรงจูบรูปแกะสลักนั้น เฝ้าทะนุถนอม ทำเครื่องประดับมาใส่ให้ จัดที่นอนให้อย่างดี มีดอกไม้ประดับ ฯลฯ เมื่อถึงเทศกาลบูชาเทพีวีนัสจึงสวดไหว้วอนเทพีวีนัส (อะโฟร์ไดท์) ซึ่งเป็นเทพีแห่งเกาะนี้ ช่วยเสกให้รูปแกะสลักนี้มีชีวิตขึ้นมาด้วย
เทพีวีนัสเกิดความเห็นใจ เมื่อเห็นกษัตริย์พิกมาเลียนทรงจุมพิตรูปแกะสลักนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงบันดาลให้รูปแกะสลักมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ และต่อมาก็ให้กำเนิดบุตรสาวชื่อปาปอส (Paphos) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ ไซปรัส หรือภาษากรีกเรียกว่า Kypros นั่นเอง
เศรษฐกิจของไซปรัสส่วนใหญ่มาจากภาคบริการ คือ การท่องเที่ยว บริการการเงิน (เพราะมีอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลต่ำเพียง 10%) และอสังหาริมทรัพย์ แต่มีอาการคล้ายอิตาลี คือ เร่งตัวเองเพื่อให้เข้ายูโรได้ โดยได้เข้าเป็นสมาชิกกลุ่มยูโรโซนเมื่อ 1 พฤษภาคม 2547
เศรษฐกิจของไซปรัสเติบโตได้ในอัตราเฉลี่ย 4% ซึ่งถือว่าสูงทีเดียวสำหรับกลุ่มยูโรโซน จนกระทั่งเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2551 พอมาในปี 2552 ภาคก่อสร้างและท่องเที่ยวก็ซบเซา ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตติดลบ 1.9% ทำให้รัฐบาลต้องอัดฉีดเงินงบประมาณมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในปี 2553 ที่เติบโต 1.1% และปี 2554 ที่ผ่านมาเติบโต 0.5%
ไซปรัสขาดดุลงบประมาณสูง จึงพยายามลดการขาดดุลลงโดยเริ่มใช้มาตรการต่างๆ ในปี 2554 แต่โชคร้ายที่เกิดเหตุระเบิดฐานทัพเรือในเดือนกรกฎาคมปี 2554 ซึ่งทำความเสียหายให้กับโรงไฟฟ้าอันดับหนึ่งของประเทศ โดยกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศหดหายไปถึงครึ่งหนึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและกระทรวงต่างประเทศจึงลาออก และเกิดมีการพยายามกล่าวโทษประธานาธิบดี ทำให้การเมืองของประเทศตกอยู่ในสภาพยุ่งๆ
ไอเอ็มเอฟ คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไซปรัสจะถดถอย โดยจะติดลบ 1.2%
ไซปรัสมีหนี้สาธารณะไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับประเทศกลุ่มยูโรอื่นๆ คือ มีประมาณ 66.8% ของจีดีพี แต่ปัญหาเกิดขึ้นจากการที่ธนาคารพาณิชย์ท้องถิ่นขนาดใหญ่ 3 แห่งของไซปรัสมีการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลกรีกจำนวนมากถึง 5,249 ล้านยูโร หรือประมาณ 262,450 ล้านบาท และเมื่อกรีซปรับโครงสร้างหนี้โดยการลดหนี้ลง ธนาคารพาณิชย์ของไซปรัสจึงขาดทุนมหาศาล โดยดอยช์แบงก์คำนวณว่า ขาดทุนรวมกันถึง 23% ของจีดีพีของประเทศไซปรัสเลยทีเดียว และจะมากกว่านี้หากกรีซออกจากยูโรโซน
ธนาคารพาณิชย์ของไซปรัส จึงต้องการการอัดฉีดเงินทุน เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง โดยคาดว่าต้องใช้เงินถึง 2,400 ล้านยูโร ซึ่งธนาคารดอยช์แบงก์มองว่าหากรัฐบาลไซปรัสกู้เงินมาช่วย จะทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเป็น 99% ของจีดีพี
ทั้งนี้ ปัจจุบันอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไซปรัสลดลงต่ำกว่าระดับที่ลงทุนได้ คือ ณ วันที่ 25 มิถุนายน 2555 ได้เพียง BB+(negative outlook) จากฟิทช์ และเอสแอนด์พี และได้ Ba3 จากมูดี้ส์ ทั้งๆ ที่ในต้นปี 2553 ยังมีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับ AAะ จากฟิทช์ A+ จากเอสแอนด์พี และ Aa3 จากมูดี้ส์ หรือเทียบเท่า A-
ที่ผ่านมา ไซปรัสได้ขอกู้เงินโดยตรงจากรัสเซีย เพราะไม่ต้องการปฏิบัติตามกฎเหล็กของยูโร และที่สำคัญ ไซปรัสจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า เพราะฉะนั้น รัฐบาลก็ต้องพยายามอย่างหนักที่จะไม่ทำให้เสียคะแนนนิยม
เศรษฐกิจและการเมืองจึงแยกกันไม่ค่อยออก แต่คาดว่าไซปรัสอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากทั้งรัสเซียและยูโรโซน ตอนนี้ชาวไซปรัสคงต้องขอให้เทพีวีนัส (อะโฟร์ไดท์) มาช่วยคุ้มครองให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ด้วยดี