เฟดขึ้นดอกเบี้ยแรง 0.75% ไปลงทุนตลาดหุ้นจีนดีไหม ?
อย่างที่หลายคนทราบกันแล้วว่า เงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นมามาก เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธนาคารกลางหลายแห่งจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อทั้งสหรัฐ, อังกฤษ, อินเดีย ที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว
ส่วน ECB ก็ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ค. กับเดือน ก.ย. นี้ รวมถึงไทยเองก็กำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ขณะที่ทางฝั่งของจีน เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นแต่ไม่สูงมากจนน่าเป็นห่วงอยู่ที่ระดับ 2.1% ในเดือน พ.ค. จึงยังเป็นเหตุผลให้ธนาคารกลางจีนยังไม่จำเป็นต้องรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และยังคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไปได้
ดังนั้น การลงทุนในประเทศที่ยังมีนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าลงทุนในประเทศที่มีนโยบายเข้มงวดทางการเงิน ซึ่งไล่เรียงตั้งแต่ การที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 5 ปี ลง 0.15%, การคลายล็อกดาวน์ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ แต่หากมีโซนไหนตรวจพบผู้ติดเชื้อมาก ก็จะล็อกดาวน์ ปิดๆ เปิดๆ กันต่อไป
รวมถึง นายกรัฐมนตรีจีน นายหลี่ เค่อเฉียง ได้ประกาศ 33 มาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีนหลังจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เช่น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์, การขยายเวลาชำระหนี้สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก, การจัดเงินกู้ฉุกเฉินสำหรับธุรกิจสายการบิน รวมถึงคำมั่นของทางการว่าจะรักษาเสถียรภาพตลาดหุ้น และสนับสนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น หลังจากก่อนหน้านี้มีการควบคุมและกำกับอย่างเข้มงวด
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในภาคการผลิต (Manufacturing PMI) ของจีนล่าสุดอยู่ที่ 49.6 แม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน แต่ก็ยังอยู่ในโซนหดตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งยังคงต้องกระตุ้นเศรษฐกิจกันต่อไป เพื่อให้ตัวเลข PMI กับมายืนในโซนขยายตัวได้คือมากกว่า 50 รวมถึงข่าวดีที่ทางสหรัฐจะยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนบางรายการ เพื่อบรรเทาปัญหาของเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น และสิ่งที่นักลงทุนจับตามองคือการเปลี่ยนแปลงนโยบาย Zero covid policy การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวและอนุญาตให้คนจีนออกนอกประเทศไปท่องเที่ยวได้ตามปกติ น่าจะส่งผลดีกับเศรษฐกิจจีนมากขึ้น
กองทุนต่างประเทศที่มีการลงทุนในตลาดหุ้นจีน เพื่อรับกับธีมการผ่อนคลายทางการเงิน การกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเปิดประเทศ มีหลายกองทุน โดยในที่นี่จะกล่าวถึงกองทุนด้านเทคโนโลยีของจีน ที่ราคาปรับตัวลดลงมามาก Valuation น่าสนใจ 3 กองทุนได้แก่ Invesco China Technology ETF หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ CQQQ
โดย ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีของจีนในดัชนี FTSE China Incl A 25% Technology Capped Index หุ้น 5 อันดับแรกประกอบด้วย
1. Meituan แอปส่งอาหารชื่อดังของเมืองจีน
2. Tencent เป็น Holding company ที่ลงทุนในหลายหลายธุรกิจ ทั้ง JD.com WeChat ธุรกิจเกมส์
3. Baidu บริษัทด้าน Search engine ของจีน คล้ายกับ google
4. Kuaishou Technology ให้บริการแพลตฟอร์มคอนเทนต์ประเภทวิดิโอสั้น ๆ คล้ายกับ TikTok
5. Sunny Optical Technology บริษัททำเลนส์กล้องมือถือ กล้องถ่ายรูป
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ China Technology (SCBCTECHA) และกองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า เทคโนโลยี อิควิตี้ (TCHTECH-A) มีการลงทุนใน Invesco China Technology ETF เป็นกองทุนหลัก
KraneShares SSE STAR Market 50 Index ETF เน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี Shanghai Stock Exchange (SSE) Science and Technology Innovation Board 50 Index หรือ Star market ที่นำหุ้นในกลุ่มวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเทคโนโลยี ที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่อง 50 ตัวมาจัดทำดัชนี โดยหุ้น 5 อันดับแรกประกอบด้วย
1. Trina Solar เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านโซล่าร์เซล
2. Beijing Kingsoft เป็นบริษัทที่ทำด้านซอฟแวร์คอมพิวเตอร์
3. Shanghai Junshi Biosciences เป็นบริษัทยา Biopharmaceutical
4. Shanghai Montage Technology เป็นบริษัทผลิตแผงวงจร IC และ Memory
5. Amlogic Shanghai เป็นบริษัท Semiconductor และผลิตชิป
กองทุนเปิดทีเอ็มบี อีสท์สปริง Star50 Chinese Technology (TMB-ES-STARTECH) มีการลงทุนใน KraneShares SSE STAR Market 50 Index ETF เป็นกองทุนหลัก
iShares Hang Seng TECH ETF เน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงอินเตอร์เน็ต, มือถือ, Fintech, Cloud computing และ E-commerce ที่มีขนาดใหญ่ 30 ตัวในตลาดหุ้นฮ่องกง หุ้น 5 อันดับแรกประกอบด้วย
1. MEITUAN แอปส่งอาหารชื่อดังของเมืองจีน
2. ALIBABA แอพอีคอมเมิร์ซ รวมถึง Lazada และธุรกิจ Cloud computing
3. JD.COM แอพอีคอมเมิร์ซ
4. TENCENT เป็น Holding company ที่ลงทุนในหลายหลายธุรกิจ ทั้ง JD.com WeChat ธุรกิจเกมส์
5. XIAOMI CORP เป็นบริษัทผลิตมือถือยอดขายอันดับ 3 ของโลก และผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่หลายหลาย
กองทุนเปิดพรินซิเพิล ไชน่า เทคโนโลยี A (PRINCIPAL CHTECH-A) มีการลงทุนใน iShares Hang Seng TECH ETF ประมาณ 70% และลงทุนใน KraneShares SSE STAR Market 50 Index ETF ประมาณ 30%
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนก่อนตัดสินใจลงทุนครับ