ปัญหาโครงการจำนำข้าว ความลับทางการค้าหรือมั่ว
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผชิญกับคำถามตลอดเวลาเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว
ของรัฐบาล ทั้งประเด็นเรื่องความไม่โปร่งใสและการบริหารจัดการของรัฐบาล ซึ่งหากติดตามตั้งแต่ต้นจะเห็นได้ว่าคำถามที่เกิดขึ้นกับโครงการดังกล่าว เนื่องมาจากการบริหารจัดการของรัฐบาลเอง โดยเฉพาะการปกปิดสต็อกข้าวภาครัฐที่ไม่มีการเปิดเผยว่ามีจำนวนเท่าไรและอยู่ที่ไหนบ้าง โดยกระทรวงพาณิชย์อ้างว่าเป็นความลับทางการค้า ทั้งๆ ที่ข้อมูลปริมาณข้าวสามารถประเมินได้อยู่แล้ว
แน่นอนว่า ปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใสนั้น ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของนโยบายการเมือง ยิ่งนักการเมืองตอบคำถามไม่ชัดและไม่ได้แสดงให้เห็นว่าตัวเองมีความโปร่งใสเพียงพอ สังคมก็ยิ่งสงสัยมากเท่านั้น ไม่เพียงแค่นโยบายจำนำข้าวเท่านั้น แต่รวมถึงนโยบายเรื่องอื่นๆ ของรัฐบาลที่มีวงเงินงบประมาณสูง ก็มักจะถูกตั้งข้อสงสัยเสมอ แต่นโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลกำลังเผชิญปัญหาที่สำคัญอีกด้าน คือ การบริหารจัดการโครงการ เพราะที่ผ่านมา นายบุญทรงชี้แจงเพียงว่าสามารถบริหารจัดการได้ตามนโยบาย
รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ว่าหากรัฐบาลสามารถจัดการตลาดค้าข้าวภายในประเทศ ด้วยการประกาศรับจำนำข้าวทุกเมล็ด จะทำให้รัฐบาลมีสต็อกข้าวไว้ในมือ ซึ่งนอกจากวิธีการนี้จะทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศนำข้าวที่ผลิตได้มาขายหรือจำนำให้กับรัฐบาล เนื่องจากได้ราคาสูงกว่าตลาด รัฐบาลยังหวังว่าการครองสต็อกไว้จำนวนมาก จะทำให้สามารถคุมปริมาณข้าวในท้องตลาดได้ นั่นหมายถึงการคุมราคาได้ โดยหวังว่าราคาข้าวในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้น และเมื่อถึงเวลานั้นรัฐบาลจะได้กำไรจากนโยบายนี้
แต่ในปีที่ผ่านมา โชคดูเหมือนไม่เข้าข้างรัฐบาล เนื่องจากหลายประเทศที่มีการผลิตข้าวพากันส่งออกข้าวออกจำนวนมาก ผลก็คือ รัฐบาลไม่สามารถระบายสต็อกข้าวนับสิบล้านตันได้ เพราะราคาที่ปรับสูงขึ้นนั้น ยังต่ำกว่าราคารับจำนำของรัฐบาลค่อนข้างมาก ดังนั้นเมื่อรัฐบาลนั่งทับสต็อกจำนวนมหาศาลเอาไว้ ในขณะที่ข้าวฤดูผลิตใหม่ก็เริ่มออกมา ซึ่งรัฐบาลต้องใช้งบประมาณมากขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่หวังว่าจะใช้เงินจากการระบายข้าวในฤดูผลิตก่อนหน้า ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือขาดเงินหมุนเวียนและไม่มีโกดังจัดเก็บ
แม้ว่าขณะนี้กระทรวงพาณิชย์อ้างว่าทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดี และไม่มีปัญหาดังที่กล่าวมาแล้ว แต่ดูเหมือนไม่มีใครเชื่อถือมากนัก ซึ่งมีต้นเหตุมาจากการปกปิดข้อมูลนั่นเอง ดังนั้นเมื่อมีปัญหาขึ้นมา ไม่ว่านายบุญทรงจะชี้แจงอย่างไร สังคมก็ไม่รับฟังและตั้งข้อสงสัยในทุกประเด็น แต่ปัญหาของหน่วยงานที่รับจำนำที่ดำเนินการแทนกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งกลุ่มโรงสีที่ร่วมโครงการกับรัฐบาลนั้น แสดงให้เห็นว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังเผชิญกับปัญหาสำคัญ และถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายนี้ นั่นคือ การระบายข้าว
เราเห็นว่ากระทรวงพาณิชย์ยังชี้แจงประเด็นการบริหารการจัดการคลุมเครืออย่างมาก ทั้งนายบุญทรงและระดับเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นระบายข้าว โกดังและกระบวนการรับจำนำ ยิ่งถูกถามมากเท่าไร ความสับสนก็ยิ่งเกิดมากขึ้นจากการชี้แจงเท่านั้น เราอาจเข้าใจได้ว่าความลับทางการค้าไม่จำเป็นต้องเปิดเผย แต่คำถามก็คือข้อมูลเหล่านี้มีผลต่อตลาดแค่ไหน ดังนั้นอาจไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความลับทางการค้า แต่เป็นความลับที่ทำให้คนสงสัยเรื่องความโปร่งใส และปัญหาที่เกิดขึ้นก็เกิดจากความมั่วของการบริหารจัดการนั่นเอง