การตลาดจีนยุค Metaverse ต้องใช้อะไรบ้าง
เวลานี้ไม่ใช่แค่ขายสินค้าหรือบริการเท่านั้น แต่จะขายให้ปังอยู่ที่ว่าใครขายด้วย
มีการวิเคราะห์จากบริษัทที่ทำด้านการตลาดชื่อดังของโลกตะวันตกหลายแห่ง ที่ขณะนี้กำลังเอาจริงเอาจังกับการทำตลาดในประเทศจีน แต่ทว่าก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะจากปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นในวงการตลาดทั่วโลกตั้งแต่ปัญหาการระบาดของเชื้อโควิด รวมถึงค่านิยมหลายอย่างของผู้บริโภคในจีนที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้หลายแบรนด์และหลายบริษัทต้องปรับตัว หากต้องการจะบุกเข้าตลาดจีนให้ได้ในแบบที่ไม่เจ็บตัวมากนัก
ซึ่งก็มีการสำรวจและวิเคราะห์ของบริษัทดังๆ เช่น Ogilvy ผู้คร่ำหวอดในวงการตลาดและโฆษณาระดับโลก ที่ให้ความสำคัญกับการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์และสื่อโซเชียลมีเดียอย่างหนัก ได้วิเคราะห์สภาพการตลาดของจีนใน 12 เดือนที่ผ่านมา หรือก็คือในปี 2564 แล้วพบว่า มีสิ่งที่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนมากมาย หากต้องการจะรุกเดินหน้าในปี 2565 ซึ่งหลายอย่างเป็นเรื่องที่หลายบริษัทก็พยายามทำกันอยู่แต่ยังไม่สำเร็จ
วันนี้เราเลยลองรวบรวมมาให้ มาดูกันว่า มีอะไรบ้างที่ต้องรู้และต้องปรับเปลี่ยนครับ หากต้องการบุกเข้าตลาดจีน
อย่าพลาดใช้ Tiktok!!! : ขณะนี้สื่อโซเชียลมีเดียที่เป็นกระแสหลักในโลก ไม่ได้มีแค่ Facebook Instragram Twitter แต่ยังมี Tiktok แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีน ซึ่งในจีนจะใช้อีกชื่อว่า Douyin
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะปั้นช่องของตัวเองให้ดังได้ในชั่วข้ามคืน แต่ต้องหมั่นอัพเดท หรือนำคอนเทนต์ที่น่าสนใจมาลง ซึ่งคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมสำหรับ Tiktok ก็มีตั้งแต่การลงคลิปเต้น ทำชาเลนจ์ โคฟเวอร์เพลง ถ่ายคลิปสนุกๆ ของเหล่าสัตว์เลี้ยง ส่วนในทางตลาดก็มีการลงคอนเทนต์แนวสาธิตการใช้งานสินค้าบางประเภทที่ไม่ต้องเป็นคลิปขนาดยาว แต่สามารถดูได้ในเวลาเพียงแค่ไม่ถึงนาทีให้เป็นน้ำจิ้มแล้วชวนให้คนเข้าไปดูในช่องหลักทางตัวเองต่อไปได้ด้วย
ต้องขายตัวเองให้มากกว่าเดิม : มีการวิเคราะห์ว่าในเวลานี้ต้องไม่ใช่แค่ขายสินค้าหรือบริการเท่านั้น แต่ของมันจะขายให้ปัง มันอยู่ที่ว่า “ใครขาย” ดังนั้นยุคนี้คุณต้องรู้จักที่จะเพิ่มพลังในการขายมาที่การขายตัวเองให้มากขึ้น แล้วถ้าไม่กล้าเปิดเผยตัว จะทำยังไง อย่างน้อยก็หาทางใช้ร่างอวตารหรือหน้า Official ที่ทำคอนเทนต์อย่างต่อเนื่องให้น่าสนใจเพื่อช่วยเพิ่มพลังการขายครับ
ยุคของ Influencers เต็มรูปแบบ : ที่จริงแล้วเรื่องนี้ในไทยเราก็กำลังเข้มข้นมากสำหรับเหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทั่วประเทศที่พยายามจะทำตัวเองให้เป็น Influencer เพราะมีโอกาสที่คนจะติดตามและสนใจซื้อสินค้ามากกว่าปกติ
ที่สำคัญคือคนจีนเริ่มเชื่อถือเหล่า Influencer ในการรีวิวสินค้าต่างๆ มากขึ้น เพราะมีความรู้สึกว่า พวกเขาก็ใช้ของเหล่านั้นจริงๆ ไม่ได้แค่รับจ้างมารีวิวปกติ
คอนเทนต์ ครีเอเตอร์ : ที่จริงก็เป็นเรื่องเบสิกที่มีมาตลอดสำหรับการทำตลาดบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เพราะถ้าไม่มีคอนเทนต์ให้ลง ก็ไม่มีคนติดตาม เมื่อนานๆ เข้าช่องของคุณก็ไม่มีคนสนใจ ดังนั้นไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องการทำตลาดหรือหาสินค้ามาขาย เพราะการทำช่องขายสินค้าเองก็ยังต้องหมั่นอัพเดท
เมื่อกลุ่มโซเชียลเริ่มกลับมาเกิดใหม่ : ก่อนหน้านี้บรรดากลุ่มย่อยหรือกลุ่มเฉพาะในโลกโซเชียลมีเดียถูกมองว่ากำลังตกยุค และไม่ได้ช่วยในเรื่องการขายหรือการตลาดทางออนไลน์ได้ดีอย่างที่คาดคิดมากนัก แต่กลายเป็นว่าเมื่อการระบาดของโควิดเริ่มขึ้น และยังคงต่อเนื่องมาสองปี ทำให้พลังของกลุ่มโซเชียลกลับมามีอิทธิพลมากขึ้น
เริ่มจากการที่ผู้ใช้งานจำนวนมหาศาลทั่วโลกมีการตั้งคำถามมากมายที่บางครั้งก็ไม่สามารถหาคำตอบได้จากช่องทางปกติหรือแม้แต่จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ นั่นทำให้การหาคำตอบหวนกลับมาที่กลุ่มโซเชียลมีเดียอีกครั้งหนึ่ง
Podcast และแพลตฟอร์มเสียงมาจริงจังแล้ว : ที่น่าสนใจคือ ไม่ใช่ว่าทำคอนเทนต์แนวเสียง ก็ไม่ต้องเป็นเนื้อหาสาระเสมอไป แต่สามารถทำเรื่องเบาๆ เรื่องบันเทิงได้ เช่น ทำเพลง ดนตรี หรือทำคลิปเสียงง่ายๆ เพื่อเรียกคนดูให้สนใจช่องทางหลัก ซึ่งอย่าดูถูกไป เริ่มมีหลายแชนเนลที่แจ้งเกิดเพียงเพราะคอนเทนต์เสียงง่ายๆ สั้นๆ กันมาแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะเริ่มลองทำหรือยัง
เข้า Metaverse ด้วย VR : ขณะนี้ที่กำลังมาแรงสำหรับสาย Metaverse ก็คือการทำ Avatar และการใช้ Virtual Influencer ในการทำตลาด เพราะสามารถเรียกความสนใจของผู้ชมได้ดี และที่สำคัญคือสามารถใช้ VR เพื่อสร้างเหล่า Influencer ในโลกเสมือนจริงขึ้นมายังไงก็ได้ตามต้องการ และมีราคาถูกกว่าจ้างคนจริงด้วย
ปัจจุบันไม่ได้มีแค่บรรดาบริษัทหรือเอเยนซีที่พยายามสร้างสรรค์วีอาร์ในลักษณะนี้ แต่คนทั่วไปรวมถึงตัว Influencer ก็เริ่มทำวีอาร์สมมติของตนเองมากขึ้นเช่นกัน