ฝาก "เนื้อ" ไว้กับ "เสือ"

ฝาก "เนื้อ" ไว้กับ "เสือ"

"ฝากเนื้อ (มีชีวิต) ไว้กับเสือ" เป็นสำนวนไทยที่ผมได้ยินมานาน แต่เพิ่งฉุกคิดถึงเรื่องที่ว่า เพราะได้สนทนากับกัลยาณมิตรเพื่อนสนิท

ที่พูดคุยเรื่องราวการบ้านการเมืองและปัญหาสังคมไทยกันอยู่เป็นประจำ เราเพิ่งพูดคุยกันเรื่องปัญหาวัยรุ่นวันนี้ว่าไปไกลมากทั้งในทางชอบและทางมิชอบ สำนวนนี้ผุดขึ้นระหว่างทางที่เราคุยกันในกรณีปัญหา "ชู้สาว" ที่เป็นคดีความขึ้นมาในระยะนี้ว่า นอกจากนักเรียนนักศึกษาจะพักอาศัยอยู่ด้วยกันตามหอพักเอกชนเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว ผู้ปกครองบางส่วนมาปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรที่จะแยกลูกสาวลูกชายออกจากเรื่องก่อนวัยอันสมควรเช่นนี้ได้ ก็พบว่าสำนวน "ฝากเนื้อไว้กับเสือ" ดูจะเข้าเค้าที่สุด

เพราะไม่ว่าจะ "หญิง" หรือ "ชาย" วิ่งไปหาความสำราญกับฝ่ายใดในเวลาที่ต้องมีภาระหน้าที่หลักคือการศึกษาเล่าเรียน การจะไปหักห้ามแบบแยกปลาแยกน้ำคงทำได้ยากและรังแต่จะผลักให้ถลำลึกหรือก้าวไปในเรื่องที่ซับซ้อนอื่นๆ ตามมา เราจึงมองว่า ถ้า "หญิง" ประสงค์จะไปอยู่กับ "ชาย" ก็ต้องฝากให้เขาดูแลไป หรือในทางกลับกันซึ่งมีอยู่เป็นปริมาณมากในยุคนี้ที่ "ชาย" ระหกระเหินไปพำนักพักพิงกับฝ่าย "หญิง" ก็จำเป็นต้องให้ทางผู้หญิงเขาดูแลแทนผู้ปกครอง ประคับประคอง เรียนหนังสือให้สำเร็จในเร็ววันจะได้สร้างครอบครัวเป็นหลักเป็นฐานมั่นคง ไม่ออกมาเป็น "เด็กแว้น เด็กซิ่ง" ตามท้องถนนหรือไปสร้างความเดือดร้อนรำคาญอื่นๆ ให้กับสังคม

เมื่อคุ้นชินกับสำนวนนี้แล้ว ผมเองอยากให้มองการแก้ปัญหาหลายเรื่องของรัฐบาลก็คงไม่หนีไปจาก "การฝากเนื้อไว้กับเสือ" สักเท่าใดนัก อย่างวันนี้โครงการขนาดใหญ่หลายโครงการที่เราเรียกกันติดปากว่า "เมกะโปรเจค mega projects" ต้องยอมรับว่า มีเสือเพ่นพ่านเต็มไปหมด เสือในทางดีก็คือเสือที่ต้องไว้ลายเสือ ไม่กินมูมมาม ไม่ทำเลอะเทอะ หรือกินของสกปรกเน่าเหม็น แต่ก็พบว่ายังมีเสือจำนวนหนึ่งที่เราเรียกได้ว่าเป็นพวก "เสือหิว" ซึ่งน่ารังเกียจและพร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมายสำคัญ คือ ความร่ำรวยบนภาระหนี้สินและภาษีของคนในชาติ อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายใดๆ ไม่เช่นนั้น โครงการโกงกันเหมือน "ปล้นกลางแดด" อย่าง บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ ค่าโง่โฮปเวลล์ และอีกหลายเรื่องราวอันน่าอับอายคงไม่มีให้ได้รับรู้รับทราบกัน

วันนี้น่าดีใจที่หลายภาคส่วนลุกขึ้นมาต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันกันอย่างเป็นรูปธรรมและมีความพยายามในส่วนขององค์กรอิสระ อย่าง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ได้ร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐเองทั้ง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และอีกหลายองค์กรภาคธุรกิจเอกชนและภาคประชาชนที่ค่อนข้างขยับตัวแรงในกิจกรรมต่อต้านคอร์รัปชัน มีการผนึกกำลังและนำเสนอแนวคิดวิธีการใหม่ๆ เข้ามา เพื่อแก้ปัญหา "การจ้องงาบเนื้อของพวกเรา" ที่เรายังคงจำเป็นต้องเอาไปฝากไว้กับ "เสือหลายตัว" เพราะเรารู้ดีว่า ในสังคมของเราวันนี้ เราไม่อาจหลีกเลี่ยง "คบค้าหรือทำธุรกิจธุรกรรมต่างๆ กับเสือเหล่านั้น" ด้วยเรายังไม่มีการแก้ปัญหาการผูกขาดได้อย่างเบ็ดเสร็จ ทำให้ในที่สุดบริษัทก่อสร้างรายใหญ่ก็ปรากฏให้เห็นอย่างที่นับหัวได้ ครั้นจะเปิดโอกาสให้ต่างชาติมาลงทุนมาแข่งขันประมูล ก็ทราบมาว่า มีบริษัทหัวใสในประเทศหลายรายเข้าไป "ฮั้ว fixing" กับบางบริษัทในต่างประเทศไว้ล่วงหน้า เพื่อรอการเปิดประมูลไม่ว่าจะเป็นโครงการโทรคมนาคมหลายหมื่นล้าน ไปถึงโครงการบริหารจัดการน้ำหลายแสนล้าน และโครงการขนาดใหญ่อื่นๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น

จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนในการเข้ามาช่วยสอดส่องดูแล "เนื้อตัวใหญ่นี้ให้รอบคอบรัดกุม" ไม่ว่าจะข้อเสนอของบางฝ่ายในการทำสัตยาบรรณ integrity pact ให้เกิดความร่วมมือสามฝ่ายทั้งผู้ว่าจ้าง ผู้รับจ้าง และ คนกลาง เข้ามาร่วมตรวจสอบการดำเนินโครงการตั้งแต่เขียนทีโออาร์ (ข้อเสนอและสัญญาโครงการ) ไปกระทั่งทำโครงการสำเร็จ เพื่อความโปร่งใสเปิดเผยตรวจสอบได้ทุกกระบวนการทำงาน หรือกระทั่งต้องหาทางดำเนินการกับ "เสือหิวพวกนี้" ซึ่งนิยมใช้ "เงินสด" เพราะไม่นิยมทำ "ทุรกรรม" ผ่านระบบการเงินอย่างเป็นทางการ ถ้าเรายังจำเป็นต้อง "ฝากเนื้อไว้กับเสือ" ก็ต้องหาทางเฝ้าระวังไม่ให้เสือแทะเล็ม "เนื้อที่เราหวงแหน" ไปต่อหน้าต่อตาได้