คณิตศาสตร์คอร์รัปชัน... บูรณาการ, บูรณาโกง

โพลล์ล่าสุด ของ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บอกว่า ประชาชนส่วนใหญ่คิดว่า โครงการของรัฐบาลมีการคอร์รัปชันสูงถึง 11-25% ของงบประมาณ
คนที่ทำโครงการกับหน่วยราชการบางแห่ง บอกว่า เงินใต้โต๊ะทุกวันนี้เรียกร้องสูงถึง 30% และ ลีลาท่าทีของนักการเมืองและข้าราชการฉ้อฉลเหล่านี้ ยิ่งนับวันก็ยิ่งไม่มีความเกรงอกเกรงใจประชาชนกันอีกต่อไป
เพราะว่าหลายคนเรียกร้องเงินจากผู้ไปติดต่ออย่างเปิดเผย
“งานนี้ให้คุณได้ แต่มีค่าใช้จ่าย” คือประโยคที่ได้ยินได้ฟังจากปากของคนในแวดวงราชการ ที่ถือว่าการเรียกร้องสินบนเป็นเรื่อง “ปกติ” ของความสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้าหาเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิของการทำธุรกรรมกับหน่วยราชการ
น่ากลัว น่าหวาดหวั่น และ น่าสมเพชยิ่ง
อาจารย์ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ของ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บอกว่า จากการสำรวจความเห็นของประชาชนรอบนี้ คนส่วนใหญ่ห่วงการคอร์รัปชันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ทั้งโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่และที่จะดำเนินการในอนาคต
โดย 75% ระบุว่า แต่ละโครงการมีโอกาสโกงกินระดับ “ปานกลาง” ถึง “มากที่สุด”
ประชาชนกังวลว่าในแต่ละขั้นตอน จะก่อให้เกิดการคอร์รัปชันในสัดส่วนที่สูง โดยโครงการบริหารจัดการน้ำ 350,000 ล้านบาท นั้น ผู้ตอบส่วนใหญ่ ระบุว่า จะเกิดการคอร์รัปชันตั้งแต่การออกนโยบาย มีการล็อกสเปคของผู้เข้าร่วมประมูล และคอร์รัปชันที่คณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง
การสำรวจเดียวกันนี้ บอกว่า มีประชาชนเห็นว่าการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่จะเกิดการโกงกินตั้งแต่กำหนดนโยบาย ตามมาด้วยการฉ้อฉลในขั้นตอนล็อกสเปคผู้ประมูล และจะเกิดที่ขั้นตอนคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง เช่นกัน
หอการค้าไทย ได้ประเมินก่อนหน้านี้ว่าการคอร์รัปชันโครงการต่างๆ มีประมาณ 10% ของงบประมาณ หรือปีละ 200,000 ล้านบาท คิดเป็น 2% ของจีดีพี
ถ้าคิดแค่โครงการรับจำนำข้าว ที่ใช้เงิน 400,000-500,000 ล้านบาทต่อปี โครงการบริหารจัดการน้ำ 350,000 ล้านบาท และ โครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาท เป็นวงเงินรวมๆ กัน 2.7 ล้านล้านบาท
หากมีการทุจริต 20% จะเสียหาย 500,000 ล้านบาท
และหากเพิ่มเป็น 25% ก็จะเสียหายสูงถึง 550,000 ล้านบาท
และหากเป็นไปตามข่าวคราวจากผู้ที่ประสบการณ์เรียกร้องเงินใต้โต๊ะด้วยตนเองว่า “ราคาตลาด” ขณะนี้อยู่ที่ 30% ของมูลค่าโครงการ ความเสียหายก็ไม่น้อยกว่า 600,000 ล้านบาท
คนไทยผู้เสียภาษีก็คงได้แค่อุทาน “พระเจ้าช่วย!”
ที่ต้องอุทานถึงพระเจ้า เพราะดูเหมือนว่าเราจะหวังพึ่งรัฐบาลที่อาสาเข้ามาทำงานเพื่อชาติ ในอันที่จะแก้ปัญหาฉ้อฉลระดับชาติไม่ได้จริงๆ เพราะว่าที่ผ่านมาแม้นักการเมืองที่ประชาชนมอบอาณัติให้มากมายเพียงใด ก็ยังไม่สามารถจะแสดงถึงความจริงจัง ในอันที่จะป้องกันฝูงเหลือบที่เข้ามาสวาปามเงินภาษีของประชาชนได้
ในทางตรงกันข้าม แนวโน้มของการโกงกินบ้านเมือง กลับจะพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้งได้เลย
ยิ่งอ้างว่าประเทศเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งมีการโกงกินในอัตราส่วนที่สูงขึ้นด้วยซ้ำไป
แน่นอนว่า เราจะท้อถอยไม่ได้ เพราะว่า คอร์รัปชัน คือ “มะเร็งร้าย” ที่จะกลืนกินประเทศชาติอย่างไร้ความเมตตาปรานีอย่างยิ่ง
ดังนั้น ความเคลื่อนไหวภาคประชาชนและเอกชน ที่ลุกขึ้นมาต่อต้านการโกงกินทุกรูปแบบ ที่เรียกว่า “บูรณาการ, บูรณาโกง” นั้น จะต้องเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะเรากำลังปกป้องผืนแผ่นดินผืนนี้ จากนักโกงกินที่มาในคราบนักการเมืองและข้าราชการ
นี่คือ...ป้อมปราการด่านสุดท้ายของประชาชนแล้ว