เมื่อ'ป๋อซีไหล'ขึ้นศาล : ละครการเมืองจีนที่ฮือฮายิ่ง

เมื่อ'ป๋อซีไหล'ขึ้นศาล : ละครการเมืองจีนที่ฮือฮายิ่ง

ผมเกาะติดข่าวการขึ้นศาลของ “ป๋อซีไหล” อดีตหมายเลขหนึ่งของมณฑลฉงชิ่ง ของจีน วัย 64

ในข้อหาคอร์รัปชัน และใช้อำนาจในทางที่ผิดทำนองคลองธรรมอย่างใจจดใจจ่อ

ใครที่ติดตามการเมืองจีน จะรู้ว่าเขาคนนี้ไม่ธรรมดา และจะไม่ยอมติดคุกเฉยๆ โดยไม่ลุกขึ้นต่อสู้ในศาลอย่างเข้มข้น

เพราะว่า ป๋อซีไหล เชื่อว่า เขาถูกกลั่นแกล้ง ไม่ให้ไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งสูงในปักกิ่ง โดยกลุ่มผู้นำปัจจุบัน ที่นำโดยประธานาธิบดี สีจิ้นผิง

ผู้นำจีนตัดสินใจจัดการ ป๋อซีไหล เพราะว่าเขาเริ่มจะ “ซ่า” พอสมควร ใช้ความเป็น “ประชานิยม” ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความนิยมในตัวเขา ซึ่งก็ได้ผลพอสมควร

เป็นไปได้ว่าผู้นำจีนเริ่มกลัวว่า ป๋อซีไหล จะประสบความสำเร็จในสไตล์การเมืองแบบ “ลัทธิบุคคล” จนข้ามหน้าข้ามตาผู้นำพรรคคนอื่นๆ

ป๋อซีไหล เคยได้รับการวางตัวที่จะก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 7 ผู้บริหารสูงสุดของพรรคคอมิวนิสต์จีน ก่อนที่จะถูกตั้งข้อหาร้ายแรง และโดนจับขึ้นศาล หมดโอกาสที่จะเป็นใหญ่ระดับชาติอย่างฉับพลันกะทันหัน

"ป๋อ" เป็น 1 ใน 25 กรรมการ ของ “กรมการเมือง” หรือ Politburo ที่มีอิทธิพลสูงสุดของประเทศจีน

พอเขาก้าวเข้าในศาลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาที่เมือง จี้หนาน เท่านั้นแหละ ก็สร้างความแปลกใจให้กับผู้สังเกตการณ์หลายเรื่อง

รัฐบาลจีน ยอมให้นักข่าวจีนเข้าทำข่าวเพื่อรายงาน ขณะที่ไม่ให้นักข่าวต่างประเทศเข้าใกล้บริเวณศาล

"ป๋อ" ประกาศสู้เพื่อศักดิ์ศรีของตน ขณะที่ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็แสดงความโปร่งใสและความมุ่งมั่นที่จะปราบพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวงในรัฐบาล ด้วยการให้ถ่ายทอดคำให้การของเขาอย่างเปิดเผย

จึงกลายเป็น “ดราม่าการเมือง” ที่คนทั้งประเทศจีน เฝ้าดูอย่างตื่นตาตื่นใจ ไม่แพ้ละครหลังข่าวทางโทรทัศน์ทุกคืนทีเดียว

ใครตามทวิตเตอร์ของจีน ก็จะได้อ่านรายละเอียดคำให้การอันดุดันของเขาอย่างร้อนแรง

ถือเป็นการขึ้นศาลของคนระดับนำของประเทศ ที่เรียกความสนใจมากที่สุดในรอบ 33 ปี...เพราะเหตุการณ์คล้ายๆ กันเช่นนี้ ที่ผมจำได้คือการขึ้นศาลของเจียงจิง ภรรยาของอดีตประธานเหมาเจ๋อตุง ที่มีสีสันดุเดือดตื่นเต้นไม่แพ้กัน

เพราะว่า เจียงจิง ชี้หน้าด่าผู้พิพากษาหน้าตาเฉย

ป๋อซีไหล ก็ตอบโต้คำกล่าวหาเรื่องรับสินบน และใช้อำนาจเกินกว่าเหตุของตน อย่างชัดถ้อยชัดคำเหมือนกัน

อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ฉงชิ่ง บอกว่า คำสารภาพครั้งแรกของเขานั้นเป็นการถูกบังคับกดดันให้ทำ

เขาบอกว่า หลักฐานที่กล่าวอ้างว่าภรรยาของเขา (กูไคไหล) กล่าวหาว่าเขาร่วมกระทำผิดนั้น เป็นเรื่อง “ขบขัน น่าหัวเราะอย่างยิ่ง”

ก่อนหน้านี้ภรรยาของ "ป๋อ" ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฆ่านักธุรกิจอังกฤษชื่อ Neil Heywood ที่คุ้นเคยและทำธุรกิจร่วมกัน

ที่เรียกเสียงฮือฮามาก คือ เมื่อผู้พิพากษายอมให้เขาซักค้านนักธุรกิจจีน ชื่อ สูหมิง ที่ถูกอ้างว่าเป็นคนเสนอสินบน เป็นจำนวน 21.8 ล้านหยวน (ประมาณ 110 ล้านบาท)

"ป๋อ" อ้างว่า การที่เขาเคยยอมรับว่ารับสินบนนั้น เป็นเพราะว่าถูกกดดันให้ต้องสารภาพ ขณะที่ถูกสอบสวน

“ผมไม่รู้เรื่องรายละเอียดเรื่องรับสินบนที่กล่าวหาผม ผมเพียงแต่บอกว่าผมพร้อมจะรับผิดชอบทางกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เหล่านั้น” เขาประกาศกลางศาล

ข้อหาบอกว่า "ป๋อ" รับเงินสินบนจากนักธุรกิจจีนสองคน จากเมืองต้าเลี่ยน ซึ่งเป็นเมืองที่เขาเคยเป็นนายกเทศมนตรี
นักธุรกิจสองคนนี้ชื่อ สูหมิง และ ถังเสี่ยวหลิน ซึ่ง "ป๋อ" กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “นายถางเสี่ยวหลินเป็นหมาบ้า เขาขายวิญญาณเพื่อจะลดโทษจากคำตัดสินจำคุกของศาลเท่านั้น”

ศาลเตือน "ป๋อ" ว่า อย่าใช้ภาษารุนแรงเกินเหตุ

"ป๋อ" ยืนยันว่า แม้ภรรยาจะให้การสนับสนุนข้อกล่าวหาต่อเขา แต่เขากับภรรยาไม่ได้อยู่ด้วยกันมากว่าสิบปีแล้ว เพราะภรรยาอยู่เมืองนอกเสียส่วนใหญ่

เขาบอกว่า ไม่รู้เรื่องที่ภรรยามีอสังหาริมทรัพย์ที่เมืองนิซ ประเทศฝรั่งเศส และไม่รู้เรื่องที่มีการกล่าวหาว่านักธุรกิจจีนเป็นคนส่งเสียลูกชายเขา (ป๋อกวากวา) เรียนหนังสือที่เมืองนอก

นักวิเคราะห์เรื่องนี้ บอกว่า คงจะคาดเดาไม่ยากว่าคำพิพากษาจะออกมาอย่างไร แต่การที่ ป๋อซีไหล กล้าลุกขึ้นมาต่อสู้คดีนี้อย่างเปิดเผย ไม่เกรงขามอำนาจของผู้นำจีนรุ่นใหม่นี้ ก็ย่อมหมายความว่า

ละครการเมืองระดับสูงสุดของจีนเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น