ปลายทางม็อบนกหวีด กับ "บิ๊กดีล" เซ็ตซีโร่

ปลายทางม็อบนกหวีด กับ "บิ๊กดีล" เซ็ตซีโร่

ถึงนาทีนี้เชื่อว่านักวิเคราะห์การเมืองกว่าครึ่งค่อนน่าจะประเมินบทจบของ "ม็อบนกหวีด" ว่าใกล้ได้เวลา

เก็บฉากกลับบ้าน ล้มรัฐบาลไม่สำเร็จ

แต่จะสรุปว่าไม่สำเร็จเสียทีเดียวก็ไม่น่าจะได้ เพราะการเคลื่อนไหวเที่ยวนี้ ทำให้แลเห็นจำนวนคนที่ไม่พอใจรัฐบาลในระดับน่าตกใจอยู่เหมือนกัน

ตรวจสอบข้อมูลจากหลายฝ่าย เชื่อว่า"จุดเปลี่ยน"ของการชุมนุมน่าจะอยู่วันที่ 20 พ.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในกลุ่มมาตราเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. แต่ไม่ใช่จุดเปลี่ยนของ"ม็อบยกระดับ"หรือนำไปสู่"ม็อบชนม็อบ"ในแง่ของศาลสั่งยุบพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลอีกรอบ เพราะความชอบธรรมที่จะตัดสินเช่นนั้นมีต่ำมาก

ทว่าจุดเปลี่ยนน่าจะเป็นการดึงการเคลื่อนไหวให้ไหลกับสภามากกว่า...

หลังวันที่ 20 พ.ย. ไม่ว่าจะม็อบราชดำเนินทั้ง 3 จุดจะหยุดชุมนุมหรือไม่ หรือจะรวมตัวยืดเยื้อทำลายสถิติม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่พลังของการโค่นล้มรัฐบาลน่าจะลดน้อยถอยลงมาก

ตัวชี้ขาดต่อไปจึงน่าจะอยู่ที่"เกมกฎหมาย"ว่าด้วยการยื่นถอดถอน ส.ส. และ ส.ว. กล่าวคือ

1.การยื่นถอดถอน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล 310 คนที่ร่วมกันลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ"ฉบับสุดซอย"ซึ่งขณะนี้มีรายชื่อประชาชน 2 หมื่นชื่อจาก"ภาคประชาชน"ส่งถึงประธานวุฒิสภาไปแล้ว และยังมีรายชื่อจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณแกนนำม็อบราชดำเนินอีกส่วนหนึ่ง ส่งตามไปในวันที่ 20 พ.ย.

2.หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยวันที่ 20 พ.ย.ในทางที่เป็นลบกับรัฐบาล เอาแค่สั่งหยุดการแก้ไขรัฐธรรมนูญในกลุ่มมาตราเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. โดยไม่ต้องลงโทษล่วงเลยไปถึงการยุบพรรค ฝ่ายค้านก็จะเดินเกมยื่นถอดถอน ส.ส. และ ส.ว.จำนวน 312 คนที่ร่วมกันเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญทันที

หากเป็นไปตามนี้ คำร้องยื่นถอดถอนทั้งหมดจะถูกส่งไปยัง ป.ป.ช. จากนั้นก็รอการชี้มูล หาก ป.ป.ช.ชี้ว่ามีมูล ส.ส. และ ส.ว.ที่เกี่ยวข้องจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

ถ้าสถานการณ์เดินไปถึงจุดนั้น ความโกลาหลจะเกิดทันที หากรัฐบาลโชคดี โดนชี้มูลช่วงปิดสภา ก็น่าจะยังพอประคองสถานการณ์ต่อไปได้ แต่ถ้าเป็นช่วงเปิดสภา ยังไม่รู้ว่าจะทำกันอย่างไร ไพ่ใบสุดท้ายว่าด้วยการ"ยุบสภา"น่าจะถูกหยิบมาใช้

แต่ปัญหาคือ ส.ส.ที่โดนชี้มูลไปแล้วจะมีสถานะอย่างไร ยังจะฝืนลงเลือกตั้งได้หรือไม่ เพราะแม้ยุบสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว แต่วุฒิสภายังอยู่ ยังเดินหน้าถอดถอนออกจากตำแหน่งได้ สถานการณ์จะโกลาหลวุ่นวาย เพราะ ส.ว.เองก็"ติดล็อก"เคยลงมติเป็นเอกฉันท์คว่ำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ เอาไว้ สุดท้ายจะลงมติ"ไม่ถอดถอน"คนที่สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ที่ตนเองคว่ำได้หรือ

หนักกว่านั้น หากเป็นการถอดถอนทั้ง ส.ส. และ ส.ว.กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จำนวนของ ส.ว.ที่เหลืออยู่จะพอเปิดประชุมได้หรือเปล่า เป็นปัญหาในแง่กฎหมายให้ต้องตีความกันต่อไปอีก

อนาคตอันวุ่นวายดังที่วาดภาพมานี้ ทำให้หลายคนนึกถึงคำพูด "เซ็ตซีโร่" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่ามีนัยแค่ผลักดันนิรโทษสุดซอยแค่นั้นหรือ เพราะคนฉลาดอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ จะประเมินกระแสสังคมได้ว่าจะต้องถูกต่อต้านอย่างหนัก และการผลักดันกฎหมายผ่านกระบวนการของสภา จะอย่างไรเสียก็ต้องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ เกมดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ จึงเป็นเกมที่ทายผลได้อยู่แล้ว

ขณะเดียวกันหลายคนก็นึกไปถึงประวัติการทำงานทางการเมืองของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณซึ่งเป็นที่รู้ๆ กันว่าเป็นการเมืองเชิงต่อรองผลประโยชน์มาโดยตลอด ไม่ใช่ประเภทกอดอุดมการณ์

เป็นไปได้ไหมที่สถานการณ์ทางการเมืองกำลังพาไปสู่จุดที่เรียกว่า"เดดล็อก"สภาก็หยุดชะงัก รัฐบาลก็ทำงานต่อยาก อารมณ์ของมวลชน 2 ฝ่ายก็ปะทุรอวันปะทะ

เป็น"เดดล็อก"เพื่อหาความชอบธรรมให้กับทางออกใหม่ๆ ทางการเมืองดังเช่นที่เริ่มมีกระแส"เว้นวรรค 2 ปี"หนาหูขึ้นในระยะหลัง แล้วอาศัยจังหวะนั้น"เซ็ตซีโร่"เพื่อให้"วิน-วิน"กันทุกฝ่าย จากนั้นค่อยมาเริ่มต้นกันใหม่ที่เกมเลือกตั้ง...

น่าติดตามดูว่า "ดีล" นี้จะเป็นฝันสวยหรือฝันค้างกันแน่!