"รัฏฐาธิปัตย์" เกิดจากกระบอกปืน

คืนแรกหลังจากศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสถานภาพการดำรงตำแหน่ง ของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ปฏิกิริยาแรงเกินคาด เรียกได้ว่ามันเป็น "คืนเดือด"
เครื่องยิงระเบิด M79 กลับมาทำงานอีกครั้ง รวมถึงระเบิด M67 ที่ถล่มบ้านตุลาการ และได้กลิ่นความรุนแรงหวนกลับมาอีกครั้ง
สถานการณ์การเมืองบนท้องถนน ก็ระอุเดือด เมื่อ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ประกาศปรับแผน "วันเผด็จศึก" จากเดิมกำหนดวันที่ 14 พ.ค. ร่นขึ้นมาเป็น 9 พ.ค. อ้างว่าสถานการณ์เปลี่ยน
เวลา 09.09 น. วันที่ 9 พ.ค. เป็นเลขมงคล ที่จะเริ่มปฏิบัติการเรียกคืนประชาธิปไตยกลับมาเป็นของปวงชนชาวไทย
เหตุที่ "สุเทพ" ต้องปรับแผนการชุมนุมกะทันหัน เพราะผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ "ไม่สุดซอย" รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังคงเป็นรัฐบาลรักษาการต่อไปจนถึงหลังการเลือกตั้งทั่วไป
กปปส.จึงเดินเกมรุกเร็วขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย "นายกรัฐมนตรีคนกลาง" หรือ "รัฐบาลคนกลาง"
"สุเทพ" ต้องใช้แผนดาวกระจายเพื่อ "ยกระดับ" การเผชิญหน้าแตกหัก และเพิ่ม "แรงกดดัน" ให้ฝ่ายกุมอำนาจคือ กองทัพ ตัดสินใจกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่ง "รัฏฐาธิปัตย์"
เลขาธิการ กปปส. พร้อมแนวร่วมไม่ว่าจะเป็นกองทัพธรรม หรือ คปท. รู้อยู่เต็มอกว่า "รัฏฐาธิปัตย์ ไม่ได้มาด้วยสองมือเปล่า"
ก่อนหน้านี้ แนวคิดของแกนนำ "ทหารเก่า" ของกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ก็พยายามชูคำขวัญ "รถถังนำหน้า มวลมหาประชาชนตามหลัง"
ด้านการชุมนุมของ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ยังเป็นไปตามกำหนดเดิมคือ วันเสาร์ที่ 10 พ.ค. ที่ถนนอุทยาน (อักษะ) โดยแกนนำ นปช.ได้ปลุกระดมให้คนเสื้อแดงออกมาร่วมแสดงตัวกัน เพื่อ "รวมพลปราบกบฏ" (Quelling the Rebels)
ยุทธศาสตร์ของ นปช. ยังมุ่งไปที่การปกป้องรัฐบาลเพื่อไทย และชูธงเลือกตั้งให้สูงเด่น จึงกำหนดยุทธวิธีแบบ "ตั้งรับ" และลดเงื่อนไข "ความรุนแรงและการเผชิญหน้า"
แต่ นปช.ก็ต้องพบกับ "สถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้" จากกลุ่มแดงอิสระ โดยเฉพาะเครือข่าย "แดงใต้ดิน"
เมื่อ 7 พ.ค.2557 "ลุงยิ้ม ตาสว่าง" ได้อัพสเตตัส ด้วยจดหมายจาก "โกตี๋" ที่กำลังหลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน
"พี่น้องที่ยังไม่ต้องคดี สู้มัน ใต้ดิน หน่วยจรยุทธ์ ข้าวของครบ ผมจะเดินเกมส์กับแนวร่วมแดงอิสระเอง ไม่ต้องปราศรัย ไม่ล่ารายชื่อแล้วสถานการณ์วันนี้ ต้องล่าหัวพวกมันอย่างเดียว"
คนเสื้อแดงสายวิทยุชุมชน ก็ทราบว่า กองกำลัง "เรดการ์ด" มีศักยภาพในการทำ "จรยุทธ์ในเมือง" ได้ระดับหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร ก็มีข้อมูลเชิงลึก ถึงตัวบุคคลที่เป็นแดงฮาร์ดคอร์อยู่
แดงฮาร์ดคอร์กลุ่มนี้ อาจเป็น "เงื่อนไข" ให้กองทัพอ้าง "ภัยต่อความมั่นคง" เข้ามาควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบ และรักษาความปลอดภัยของประชาชน
ส่วนกองกำลัง "อาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตย" ของ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ไม่ได้มีศักยภาพอะไรมากมายนัก เพราะเป็นกลุ่มพลังมวลชนการเมืองเหมือน นปช.
ที่น่าจับตาคือ "การ์ดพิทักษ์ประชาธิปไตย" ที่จัดอยู่ในกลุ่มแดงอุดมการณ์ และคนกลุ่มนี้ มีเงื่อนไขเดียวที่พวกเขาจะออกปฏิบัติการ "รบใต้ดิน" คือเกิดรัฐประหาร หรือรัฐบาลคนกลางขึ้นเมื่อใด ก็ถึงเวลาแตกหัก
สถานการณ์ภาพรวมในชั่วโมงนี้ สุเทพ เทือกสุบรรณ และ กปปส.ต้อง "จบ" ให้ได้ เพราะมันยืดเยื้อเกิน 190 วันแล้ว
ส่วนจตุพร พรหมพันธุ์ และ นปช. ก็ประคองเกมให้รัฐบาลรักษาการเดินต่อไปได้ และวันใด ไม่มีรัฐบาลพรรคเพื่อไทย นปช.ก็ต้อง "เปลี่ยน" เกมเล่น
ฉะนั้น คำขวัญนักปฏิวัติเก่า "อำนาจรัฐเกิดจากปากกระบอกปืน" ก็จะถูกนำมาใช้อีกครั้งในวันเผด็จศึก แม้ปาก "สุเทพ" จะลั่นคำว่า เปลี่ยนแปลงด้วยสองมือเปล่า
เมื่อตุลาการภิวัตน์ไม่เอื้อต่อการเกิดรัฏฐาธิปัตย์โดยฉับพลัน ก็เหลือทางเลือกเดียวคือ "รัฏฐาธิปัตย์ เกิดจากปากกระบอกปืน"