"จับปลาตัวใหญ่" จุดตัดสินการเอาจริงเรื่องคอร์รัปชัน
ระยะนี้ความสนใจของประเทศเรื่องการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน ค่อนข้างจะหนาแน่นและต่อเนื่อง
ซึ่งน่ายินดี สะท้อนความตระหนักของสังคมว่าคอร์รัปชันในประเทศเราเป็นปัญหาหนักที่ต้องแก้ไข แต่การแก้ไขจะสำเร็จหรือไม่ จะขึ้นอยู่อย่างสำคัญกับความสำเร็จในการเปลี่ยนพฤติกรรมของคนไทยให้หยุดทุจริต หยุดประพฤติมิชอบ ที่มีรากเหง้ามาจากระบบอุปถัมภ์ในสังคม นำไปสู่การใช้เส้นสาย การเล่นพรรคเล่นพวก และการทุจริตคอร์รัปชันในที่สุด
การเปลี่ยนพฤติกรรมสังคมไม่ใช่เรื่องง่ายแต่สามารถทำได้ การเปลี่ยนต้องเริ่มที่การเปลี่ยนความเชื่อและทัศนคติของคนในสังคมว่า คอร์รัปชันเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย มีการเอาผิดจริง และมีการลงโทษจริง ไม่ไว้หน้า ซึ่งถ้ามีการเอาผิดและลงโทษจริง สังคมก็จะเชื่อว่าคอร์รัปชันมีโทษมีการเอาผิดจริงจัง จะไม่กล้าคอร์รัปชันและจะเปลี่ยนพฤติกรรม แต่ถ้าไม่มีการเอาผิด ไม่มีการลงโทษคนทำผิดให้เห็น โดยเฉพาะคนทำผิดประเภท "ปลาตัวใหญ่" สังคมก็จะไม่เชื่อว่า ปัญหาคอร์รัปชันจะมีการแก้ไขจริงจัง ทำให้คอร์รัปชันยิ่งจะรุนแรง ดังนั้น ในช่วงที่อำนาจมีความเป็นพิเศษขณะนี้ การจับ "ปลาตัวใหญ่" จึงสำคัญมากและจะเป็นจุดตัดสินการเอาจริงเรื่องคอร์รัปชัน อันนี้คือประเด็นที่จะเขียนวันนี้
สังคมไทยขณะนี้กำลังอยู่ในกระแสความต้องการจากทุกฝ่ายให้มีการแก้ปัญหาคอร์รัปชันจริงจัง สะท้อนให้เห็นจากปรากฏการณ์สามเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมขณะนี้
เรื่องแรก คือ ความตั้งใจของคณะผู้บริหารประเทศที่จะแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน สะท้อนจากคำสั่ง คสช. ที่ 69/2557 เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริต ประพฤติมิชอบ ที่ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐกำหนดมาตรการหรือแนวทางป้องกัน และแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบในส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ โดยดำเนินการตามมาตรการด้านวินัย ปกครอง และกฎหมายอย่างเฉียบขาดและเคร่งครัดในกรณีที่มีการกล่าวหา รวมถึงการกำกับดูแลอย่างเคร่งครัดตามกฎหมายในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งคำสั่งดังกล่าว แสดงจุดยืนที่ชัดเจนของผู้บริหารประเทศขณะนี้ว่าต้องการแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการอย่างเด็ดขาดและจริงจัง
สอง การตอบรับของสื่อมวลชนในประเทศในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันที่ขณะนี้ต้องเรียกว่า หนาแน่นและพร้อมเพรียง มีการลงข่าว เขียนบทความ และทำรายการทีวีเรื่องคอร์รัปชันมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน ผิดกับในอดีตที่ข่าวเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันจะได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนน้อยมาก แต่ปัจจุบันมีข่าวและบทความเกี่ยวกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชันทุกวัน
สาม ความต้องการของประชาชนเอง โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่ต้องการให้มีการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันจริงจัง โดยหวังให้ผู้บริหารประเทศขณะนี้ใช้โอกาสพิเศษนี้แก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
ทั้งสามปรากฏการณ์เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ที่จะนำไปสู่การร่วมกันแก้ปัญหา สะท้อนความต้องการของทั้งภาคประชาชน และภาคธุรกิจให้มีการแก้ปัญหา ปลุกเร้าโดยสื่อมวลชนที่ได้สร้างกระแสการยอมรับของสังคม และตอบสนองโดยความจริงจังของภาคทางการที่จะแก้ไขปัญหาโดยการออกคำสั่งต่างๆ บรรยากาศเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อย่างน้อยก็ในช่วงสามปีที่ผมได้เข้ามาสัมผัสกับการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันของประเทศ ทำให้โอกาสที่ประเทศจะสามารถแก้ไขปัญหาได้จริงจังขณะนี้มีสูงมาก
แต่การลดคอร์รัปชันจะเกิดขึ้นได้จริง ก็ต่อเมื่อสังคมเปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนทัศนคติเรื่องคอร์รัปชัน ไปสู่พฤติกรรมไม่ให้ไม่จ่าย ไปสู่ทัศนคติว่า คอร์รัปชันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ไม่ถูกต้อง ยอมรับไม่ได้และไม่ทำ แต่ทัศนคติของสังคมจะเปลี่ยนได้แบบนี้ ก็ต่อเมื่อสังคมเชื่อว่า การทุจริตคอร์รัปชัน มีการเอาผิดจริง ลงโทษจริง ดังนั้น ช่วงนี้จึงจำเป็นที่ต้องทำให้เห็นว่า คอร์รัปชันเป็นความผิดจริง มีการลงโทษจริง ไม่เว้นหน้า เพื่อให้สังคมเชื่อว่าประเทศได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่ถ้าการเอาผิดไม่เกิดขึ้น ไม่มีการดำเนินคดี ไม่มีการลงโทษ สังคมก็จะไม่เชื่อว่า ทางการจริงจังที่จะแก้คอร์รัปชัน ทำให้ปัญหาคอร์รัปชันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นจากนี้ไปและจะแก้ไขยากขึ้น
ที่ให้ความเห็นเช่นนี้ ก็เพราะประสบการณ์ของต่างประเทศที่แก้ไขปัญหาคอร์รัปชันได้สำเร็จชี้ชัดเจนว่า เงื่อนไขสำคัญที่สุดที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันประสบความสำเร็จ ก็คือ มีการเอาผิดผู้ที่ทุจริตคอร์รัปชันให้เป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะบุคคลที่อยู่ในระดับนำหรือแนวหน้าของสังคม คือ พวก "ปลาตัวใหญ่" ที่ทำการทุจริตคอร์รัปชัน ให้สังคมเห็นว่าทางการเอาจริงเรื่องคอร์รัปชัน อันนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ต้องเกิดขึ้นที่จะทำให้ความเชื่อของสังคมเปลี่ยน ว่าการคอร์รัปชันมีการเอาผิดจริง ลงโทษจริง ทำให้คนที่คอร์รัปชันจะไม่กล้า นำมาสู่การเปลี่ยนพฤติกรรม
การจับ "ปลาตัวใหญ่" จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ต้องเกิดขึ้น ในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันของชาติให้ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าไม่ทำหรือไม่พร้อมจะดำเนินการเอาผิดกับคนใหญ่คนโตของบ้านเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชัน การเปลี่ยนพฤติกรรมของสังคมเรื่องคอร์รัปชันก็จะไม่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะตีฆ้องร้องป่าวอย่างไร เพราะคนจะไม่เชื่อ และในทุกประเทศที่แก้คอร์รัปชันได้ ทุกประเทศก็ล้วนจับ "ปลาตัวใหญ่" ให้ประชาชนเห็นทั้งสิ้น โดยดำเนินคดีทุจริตคอร์รัปชันกับบุคคลระดับนำของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี หรือประธานาธิบดี เช่น กรณีสิงคโปร์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน และปัจจุบันทุกประเทศที่กำลังแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันก็ยึดแนวทางนี้ มีการจับบุคคลในระดับนำของสังคมที่ทุจริตคอร์รัปชันไม่เว้นหน้า ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ และเจ้าหน้าที่ตุลาการ ดังข่าวล่าสุดที่ออกมามากมาย เช่น
จีน ปลดประธานรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ที่พัวพันเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน และพรรคคอมมิวนิสต์จีนสั่งปลดนักการเมืองดาวรุ่ง หลังพบทุจริตคอร์รัปชัน บังกลาเทศ อดีตนายกรัฐมนตรีถูกจับข้อหาทุจริต อิสราเอล อดีตนายกรัฐมนตรีถูกตัดสินจำคุกหกปีในข้อหาทุจริตคอร์รัปชัน อาร์เจนตินา รองประธานาธิบดีถูกกล่าวโทษและกำลังขึ้นศาลในข้อหาทุจริตคอร์รัปชัน ฟิลิปปินส์ ลูกชายอดีตประธานาธิบดี ซึ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาถูกกล่าวโทษในข้อหาทุจริตคอร์รัปชัน ฮ่องกง นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับพันล้านถูกจับขึ้นศาลกรณีทุจริตคอร์รัปชัน และอินโดนีเซีย อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตด้วยความผิดทุจริตและฟอกเงิน
นี่คือตัวอย่างการจับ "ปลาตัวใหญ่" ที่หลายประเทศพร้อมทำเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศของตน ให้สังคมเชื่อว่า คอร์รัปชันมีการเอาผิดจริง ไม่เว้นหน้า ทำให้ทัศนคติของคนทั้งประเทศเกี่ยวกับคอร์รัปชันเปลี่ยน นำไปสู่พฤติกรรมที่ไม่ยอมรับการทุจริตคอร์รัปชัน
ในกรณีของไทย ก็คงต้องเดินทางนี้เช่นกัน ถ้าจะแก้ปัญหาคอร์รัปชันให้สำเร็จ ที่ผ่านมาที่ปัญหาคอร์รัปชันของเราแก้ไขยาก ก็เพราะสังคมไม่เชื่อว่า การทุจริตคอร์รัปชันมีการเอาผิดจริง คนเลยไม่กลัว เพราะไม่เคยมีการเอาผิด "ปลาตัวใหญ่" การทุจริตคอร์รัปชันจึงลุกลามจนรุนแรง ดังนั้น ในช่วงนี้ที่การคาดหวังของสังคมมีสูงให้แก้ปัญหา การจับ "ปลาตัวใหญ่" จะได้แรงสนับสนุนจากสังคมมาก และจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการแก้ปัญหาคอร์รัปชันของประเทศ