กฎ กติกา-อะลุ้มอล่วย

เดี๋ยวนี้บางทีก็รู้สึกว่าคนไทยเราไม่คุ้นเคย กับคำว่ากฎกติกาสักเท่าไร มีกฎเกณฑ์อะไรออกมา ก็คิดว่า
ทุกอย่างจะอะลุ้มอล่วย ยอมๆ กันได้
แต่ว่านี่ไม่ใช่เรื่องในครอบครัว ที่คำว่าหนักนิดเบาหน่อยมีคุณค่ามาก และควรอย่างยิ่งที่จะต้องนำไปใช้
แต่ในสังคมใหญ่ หลายเรื่องราวก็จำเป็นที่ต้องยึดกฎเกณฑ์อย่างเหนียวแน่น 1 คือ 1 จะเป็น 1.5 หรือ 0.5 ก็คงจะไม่ถูกต้องนัก
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่หลายคนทำมาจนชิน และคิดว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และเมื่อมีการจัดระเบียบก็มักจะมีความรู้สึกต่อต้านอยู่ไม่น้อย ดังนั้นก็ควรจะต้องเอากฎระเบียบเข้าไปแก้ไข
ตัวอย่างเช่น เรื่องของการจัดระเบียบจราจร ไม่ว่าจะเป็น 5 จริง 5 จอม หรือการจับปรับผู้ไม่ข้ามถนนในทางม้าลาย หลังจากเรื่องนี้มีบังคับใช้จริงจัง ก็มีเสียงที่ชื่นชมออกมาจำนวนมาก ด้วยหวังว่าจะเห็นสังคมมีระเบียบ อย่างน้อยก็มีมากขึ้นกว่าปัจจุบันที่เละเทะ จนหลายคนนึกว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ผิด
ไม่ได้รู้สึกว่าถูกต้อง แค่รู้สึกว่าไม่ผิด เพราะเห็นว่าใครๆ เขาก็ทำกัน
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เอาจริง สิ่งที่ได้เห็นผ่านทางสื่อต่างๆ โดยเฉพาะโลกออนไลน์ ที่มีคลิปเผยแพร่บ่อยครั้ง ก็คือการเอะอะโวยวายของผู้ทำผิด ต่อว่าเจ้าหน้าที่ว่าเข้มงวดเกินไป นิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ได้
หรืออีกเรื่องหนึ่งที่พบเห็นบ่อยๆ คือ พื้นที่จอดรถสำหรับผู้พิการ ซึ่งจะต้องทำให้กว้างเป็นพิเศษ เพื่อความสะดวกในการขึ้นลง เช่น บางคนอาจจะต้องใช้รถเข็น แต่ก็มีคนที่ (ร่างกาย) ปกติ เข้าไปจอดอยู่บ่อยครั้ง โดยบอกว่ามันว่าง แต่บางคนอาจคิดในใจว่ามันใกล้ มันง่าย
และสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้น คือ มีคนที่มีความคิดว่าคนพิการคงไม่ขับรถไปไหนมาไหนเอง ถ้าจะไปก็ต้องมีคนขับให้ เพราะฉะนั้นจอดที่ไหนก็ได้เหมือนกัน เพราะมีผู้ดูแล ถ้าใครคิดเช่นนี้คงต้องย้อนกลับไปย่อหน้าที่แล้วถึงเหตุผลของการจัดที่จอดที่ต้องมีพื้นที่กว้างเป็นพิเศษ
ส่วนประเด็นว่า ส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นมีคนพิการมาใช้ ปล่อยให้ว่างเปล่าประโยชน์ ก็น่าจะอะลุ้มอล่วยให้คนปกติจอดได้ ความสงสัยข้อนี้จะหายไปในทันทีหากรู้จักตั้งคำถามให้ตัวเองได้ตอบว่า "แล้วถ้าวันหนึ่งมีรถผู้พิการมาใช้บริการล่ะ จะทำอย่างไร"
ส่วนเรื่องการแยกแยะว่ารถคันไหนเป็นผู้พิการจริงหรือไม่จริง เพื่อป้องกันปัญหาเจ้าหน้าที่ที่ดูแลที่จอดรถอ้างเหตุผลว่าไม่รู้ ไม่เห็น ตอนเข้ามาจอดนั้น แนวทางที่หลายประเทศเขาทำกันก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี คือ มีสัญลักษณ์ที่ชัดเจนบนป้ายทะเบียนไปเลย ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของจอดเท่านั้น แต่การขับขี่บนท้องถนนทั่วไป เพื่อนร่วมทางก็จะได้รู้ด้วย ซึ่งเห็นว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะดำเนินการ
ช่วงนี้มีปัญหาความขัดแย้งระหว่างเอกชนกับองค์กรที่กำกับดูแล ซึ่งยังไม่จบ และไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไร อย่างไร ใครผิดใครถูก แต่สิ่งหนึ่งที่เมื่อได้ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ ทุกครั้งก็คือ คำว่า "การแก้ปัญหาจะต้องดูถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก" เพราะคำว่าประโยชน์นั้นหมายถึงอะไร หมายถึงการเข้าถึงของคนหมู่มาก หรือประโยชน์ที่ได้จากการเข้าถึง ถ้าหมายถึงสิ่งแรก ก็ไม่ต่างจากการคิดว่าเสียงส่วนใหญ่คือคำตอบที่ถูกต้อง และต้องยอมๆ กันไปอย่างนั้นหรือ
แต่ถ้าพูดกันด้วยรายละเอียดของกฎกติกา แล้วใครจะผิดจะถูก ก็คงไม่มีใครติดใจอะไร