คุณเป็นคนประเภทไหน

ข่าวการมรณกรรมของโรบิน วิลเลียมส์ ดาราตลกชาวอเมริกันชื่อดังที่จากไปด้วยการฆ่าตัวตาย
ทำให้หลายคนเริ่มตระหนักว่า สิ่งที่เราเห็นภายนอกกับตัวตนจริง ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน สิ่งที่เราเห็นหรือเราคิดอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น ดาราตลกผู้สร้างความสุขให้กับผู้อื่น ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตที่มีความสุข
เราแสร้งทำให้คนอื่นเห็นได้ แต่ตัวเราเองเท่านั้นที่จะรู้ตัวดีที่สุดว่าเป็นคนประเภทไหน คนอื่นว่าคุณเป็นอย่างไรไม่สำคัญเท่ากับว่าคุณรู้ว่าตัวคุณเองเป็นอย่างไร มาลองดูกันไหมคะ ว่าจริงๆ แล้วคุณมีลักษณะอย่างนี้บ้างไหม
1. เจ้าคิดเจ้าแค้นฝังใจผู้มีลักษณะนี้จะเป็นคนที่เก็บเอาความไม่พอใจในอดีตไว้หล่อเลี้ยงตน ดิฉันเคยมีลูกน้องที่จำเรื่องไม่พอใจหัวหน้าหลายคนของเขาในอดีตที่ผ่านมาเกินสิบปีแล้ว เขาสามารถเล่าได้เป็นฉากๆ ว่า หัวหน้าคนไหนเคยทำให้เขาไม่พอใจด้วยเรื่องอะไรบ้าง และความไม่พอใจของเขาต่อหัวหน้ามีตั้งแต่เรื่องเล็กน้อย ที่บางเรื่องฟังแล้ว ดิฉันก็ไม่เห็นว่าหัวหน้าเขาผิดตรงไหน อาทิเช่น แก้ไขปรับปรุงงานที่เขาทำ และเขาจะรู้สึกสะใจมากเมื่อหัวหน้าเก่าคนไหนก็ตาม (ที่ทำให้เขาไม่พอใจ) ต้องประสบเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่ก้าวหน้าในการงาน
ดิฉันฟังที่เขาเล่า เลยไม่แน่ใจว่า อยากเป็นหัวหน้าเขาหรือไม่ แต่เมื่อหน้าที่เป็นดังนั้น ก็ต้องทำงานร่วมกัน แก้ไขงานเขาตามที่เห็นสมควรและรู้สึกดีใจที่ปัจจุบันไม่ได้ทำงานร่วมกันแล้ว การอยู่กับคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ตัวเขาเองก็ไม่มีความสุข เพราะใจมีแต่ความขุ่นเคือง ความไม่พอใจ และทำให้คนที่อยู่ด้วยไม่มีความสุขไปด้วย
ลักษณะเจ้าคิดเจ้าแค้นนี้ คุณจะเห็นได้ทั่วไปในตัวเอกของภาพยนตร์หรือนิยายหลายเรื่อง แต่อย่าไปหลงผิดว่าลักษณะนั้นเป็นแบบอย่างที่ดีนะคะ ที่ตัวเอกต้องเจ้าคิดเจ้าแค้น เพราะทำให้หนังหรือนิยายสนุก มีสีสันสำหรับผู้ดู แต่ถ้าคุณพิจารณาให้ดี จะสังเกตได้ว่าตัวเอกเองก็ไม่ได้มีความสุข เพราะมัวแต่จะแก้แค้น คุณลองคิดดูว่า ระหว่าง "ทราย" หรือ "ศรุตา" ในละคร "ทรายสีเพลิง" ที่เก็บกดความแค้นมานับสิบปีและทำทุกอย่างเพื่อจะแก้แค้น กับน้องสาวต่างแม่ ที่ชื่อ "ลูกศร" ที่เป็นสาวน้อย จิตใจดีงาม รักพี่สาวร่วมพ่อ จนมีฉายาว่า "ลูกศร โลกสวย" คนไหนที่ชีวิตมีความสุขมากกว่ากัน
2. ขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์ ผู้มีลักษณะนี้เป็นผู้ที่มีอารมณ์ไม่มั่นคง อารมณ์กับอายุไม่ไปด้วยกัน อายุก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เมื่อโกรธก็ไม่รู้จักระงับอารมณ์ ดิฉันเคยพบผู้มีลักษณะนี้หลายคน บางคนเห็นตอนโกรธหรือ "ปี๊ด" แล้ว หน้าตาและเสียงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน บางคนโกรธจนร้องไห้ บางคนก็น้อยใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง อาทิ น้องคนหนึ่งที่ดิฉันรู้จัก วันหนึ่งเห็นเขาหน้าตาไม่ดี มาทราบภายหลังว่ามีคนมา "เม้นท์" หรือ comment ในทางลบที่เขาโพสต์ลงเฟซบุ๊ค น้องคนนี้ขยันโพสต์ลงเฟซบุ๊ค หวังว่าจะมีคนมากด "like" เยอะๆ พอพบสิ่งที่ไม่คาดหวัง ก็ทำให้เสียใจจนร้องไห้ในอีกทางหนึ่ง น้องคนนี้เองก็วิ่งไปหาที่ปฏิบัติธรรม เพื่อพยายามพัฒนาจิต แต่พอออกมาจากสถานปฏิบัติธรรม ก็ยังอ่อนไหวเหมือนเดิม
3. โทษว่าผู้อื่นผิดเสมอ ไม่เคยมองว่าตัวเองผิด ผู้มีลักษณะประเภทนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่มั่นใจในตนเอง จึงต้องพยายามกลบเกลื่อน โดยการไม่ยอมรับว่าผู้อื่นอาจถูกต้อง และตนเองอาจผิด เมื่อไม่ยอมรับว่าตนเองผิด ก็ไม่รู้จักกล่าวคำขอโทษ รู้จักแต่ตำหนิผู้อื่น ไม่ใคร่ครวญพิจารณาตนเองให้ถ่องแท้ เพราะถ้าทำเช่นนั้น ยิ่งเพิ่มความไม่มั่นใจในตนเอง
น่าเสียดายที่คนที่มีลักษณะนี้ไม่อาจรับสิ่งที่แตกต่างจากความคิดของตนเอง จึงพลาดโอกาสจะเพิ่มคุณค่าแท้จริงของตนเอง
4. เอาแต่สงสารตนเอง ผู้ที่มีลักษณะนี้ เวลาประสบเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่สบายใจ เป็นทุกข์ แทนที่จะพยายามแก้ไข กลับไปคิดแต่สงสารตนเอง โทษโชคชะตา ว่าทำไมเขาต้องเจอเหตุการณ์เหล่านี้ ทำไมไม่เป็นผู้อื่นเจอบ้าง วิธีแก้ไขของเขาก็ใช้วิธีที่ผิด เช่นดื่มเหล้า เสพยา ฯ โดยหวังว่าจะช่วยลดความทุกข์ จริงๆ แล้ว ความทุกข์ก็ยังอยู่ รอเขาแก้ไข การดื่มเหล้า เสพยา เป็นการทำให้ประสาทลืมเลือนเหตุการณ์ชั่วคราว แต่ไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย เสียเงิน ทำให้ร่างกายแย่ แล้วยังอาจติดเหล้า ติดยาอีก เป็นการแก้ไข โดยการสร้างปัญหาขึ้นมาใหม่
เอาสั้นๆ แค่ 4 อย่าง มีข้อไหนฟังแล้วคุ้นๆ ไหมคะ
ถ้าคุณไม่มีลักษณะโน้มเอียงไปในลักษณะข้างต้น ยินดีด้วยค่ะ ชีวิตของคุณน่าจะมีความสุขมากกว่าความทุกข์ เพราะเท่ากับว่า คุณเป็นคนที่รู้จักและเข้าใจในโลก รู้จักว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก คิดเป็น มีเหตุผล ไม่จดจำเรื่องที่ทำให้สบายใจ มีความมั่นคงในอารมณ์พอสมควร รู้จักตำหนิตนเอง ยอมรับว่าตนเองอาจบกพร่อง ไม่เอาแต่กล่าวโทษหรือติเตียนผู้อื่น รู้จักกล่าวคำขอโทษผู้อื่น ทำให้เป็นคนที่น่าคบหาไปด้วยนานๆ ไม่ใช่คบแบบเพียงผิวเผิน คบด้วยแล้ว ทำให้ผู้อยู่รอบข้าง ไม่ต้องเจอภาวะผันแปร หรือภาวะที่ดิฉันขอเรียกว่า “เป็นพิษ” (toxic)
ชีวิตคนเรา ก็เป็นทุกข์อยู่แล้ว พยายามอย่าเพิ่มภาวะที่ "เป็นพิษ" ให้กับตนเองและผู้อื่นกันดีกว่านะคะ