Internet of Things เมื่ออุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านเชื่อมโยงกันโดยอัตโนมัติ

Internet of Things เมื่ออุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านเชื่อมโยงกันโดยอัตโนมัติ

เมื่อสามสี่ฉบับที่แล้วผมได้เขียนเกี่ยวกับแนวโน้มสำคัญของปี 2558 และเรื่องของ Internet of Things (IoT)

ซึ่งเป็นแนวโน้มหนึ่งที่สำคัญของปีนี้ดังนั้น สัปดาห์นี้ผมขอลงรายละเอียดเรื่องของ IoT เลยครับ ประจวบกับงาน CES ซึ่งเป็นการแสดงเทคโนโลยีประจำปีล่าสุดที่เริ่มขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผลิตภัณฑ์ที่ออกมากันเยอะมากและสร้างความฮือฮานั้นก็เป็นเจ้าพวก Smart Products โดยเฉพาะปีนี้ดูเหมือนแนวโน้มของ Smart-Home ครับหรือที่เรียกว่าบ้านอัจฉริยะ

ทบทวนนิดหนึ่งเกี่ยวกับเจ้า Internet of Things นั้น เป็นปรากฏการณ์ ที่อุปกรณ์ต่างๆ รอบตัวเราสามารถที่จะเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน และเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต แทนที่ในอดีตจะมีเฉพาะคอมพิวเตอร์ Tablet Smartphones เท่านั้นที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและเชื่อมต่อกันเอง แต่ปัจจุบันและอนาคตอันใกล้นั้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ จะสามารถเชื่อมต่อส่งข้อมูลระหว่างกันได้มากขึ้น ถ้าท่านผู้อ่านนึกภาพไม่ออก ตัวอย่างใกล้ตัวสุดก็คือกล้องถ่ายภาพยุคใหม่ครับ ที่กล้องถ่ายรูปรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันนั้นจะสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย ผ่านทางระบบ Wifi ของตนเอง ดังนั้น เมื่อท่านถ่ายรูปด้วยกล้องถ่ายรูปรุ่นใหม่แล้ว รูปเหล่านั้นจะสามารถถูกส่งไปยังโทรศัพท์มือถือเพื่อเอาขึ้นสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

คราวนี้ท่านผู้อ่านลองนึกภาพครับว่าแทนที่จะเป็นแค่กล้องถ่ายรูป ถ้าเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ไมโครเวฟ โทรทัศน์ เครื่องเสียง ฯลฯ ต่างๆ ในบ้านของท่านสามารถเชื่อมต่อกัน ส่งข้อมูลระหว่างกัน และสุดท้ายถูกควบคุมได้ด้วยโทรศัพท์มือถือแม้ว่าท่านจะอยู่ไกลจากบ้าน ซึ่งจริงๆ แล้วภาพดังกล่าวไม่ใหม่ครับ แต่ปรากฏการณ์ ที่กำลังเกิดขึ้นนั้นกำลังจะมาถึงตัวเรามากขึ้น ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ปรากฏมาในงาน CES หรือที่เริ่มออกมาสู่ท้องตลาดจะเป็นผลิตภัณฑ์พวกกลุ่ม Smart-Products ในบ้านที่เชื่อมต่อกันมากขึ้น

ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ประเภท Smart Products ที่ดังๆ ก็ต้องยกให้ผลิตภัณฑ์จาก Nest Labs ครับ Nest Labs นั้นเริ่มจากออก Thermostats หรือ อุปกรณ์ในการวัดและปรับอุณหภูมิภายในบ้าน ในปี 2011 จากนั้นก็ออก Carbon monoxide detector ต่อมาในปี 2013 และล่าสุดเมื่อต้นปีที่แล้ว Google ก็ซื้อ Nest Lab ไปด้วยมูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์ ผลิตภัณฑ์ตัวแรกของ Nest คือ Nest Learning Thermostat นั้นเป็นอุปกรณ์ในการควบคุมอุณหภูมิภายในบ้าน ที่ฉลาด สามารถเรียนรู้อุณหภูมิที่เราชอบ ปิดตัวเองเมื่อเราออกไปข้างนอก และสามารถถูกควบคุมผ่านทางระบบ Wifi จากที่ใดก็ได้ ท่านสามารถเข้าไปเปลี่ยนอุณหภูมิ เปลี่ยนกำหนดการเปิดปิด และดูปริมาณพลังงานที่ใช้ จากทุกที่ทั่วโลก ส่วนเจ้าเครื่อง Detector นั้นจะตรวจสอบระดับของ Carbon Monoxide และบุหรี่ พร้อมทั้งเตือนให้เราทราบโดยอัตโนมัติทั้งเมื่อเราอยู่ในห้อง หรือ ส่งสัญญาณไปยัง app ในมือถือเมื่อเราไม่อยู่ ในกรณีที่มีควันไฟเกิดขึ้นที่บ้าน

ผลิตภัณฑ์ของ Nest Lab นั้นเป็นเพียงแค่ตัวอย่างหนึ่ง ถ้าท่านผู้อ่านอยากจะดูอีกตัวอย่างที่น่าสนใจก็ลองดู Wink ซึ่งเป็นเครื่องปรับอากาศที่ควบคุมผ่านระบบอินเทอร์เน็ตของบริษัท Quirky ซึ่งล่าสุด GE ได้เข้าไปถือหุ้น ท่านผู้อ่านลองนึกภาพดูนะครับว่าถ้าในอนาคตไม่ไกลนั้น ถ้าประตูบ้านจะส่งสัญญาณมาที่มือถือเราทันทีที่ปิดไม่สนิท หรือ พัดลมที่ค่อยๆ เบาลงเมื่อเราหลับสนิท หรือ หน้าต่างห้องนอนที่ปิดตัวเองเมื่อฝนตก หรือ หลอดไฟในบ้านที่สามารถถูกควบคุมความสว่างหรือการเปิดปิดผ่านทางมือถือ

กระแสของผลิตภัณฑ์ที่เป็น Smart, Connected Products นั้น ยิ่งได้รับความตื่นตัวมากขึ้นครับ เมื่อล่าสุดในงาน CES ที่ถือเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคต่างๆ ผู้บริหารระดับสูงของ Samsung ก็ประกาศออกมาแล้วว่าร้อยละ 90 ของผลิตภัณฑ์ของ Samsung Electronics ที่จะออกมา จะเป็น Smart, Connected Products โดยต่อไปผลิตภัณฑ์เกือบทั้งหมดของ Samsung ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น โทรทัศน์ เครื่องซักผ้า ฯลฯ จะสามารถเชื่อมต่อกันได้หมดและเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต

ไม่ใช่เพียงแค่ Samsung เท่านั้นนะครับ Sony ก็เพิ่งประกาศ Symphonic Light Speaker ที่เป็นหลอดไฟอัจฉริยะที่นอกเหนือจากจะถูกควบคุมด้วย app ต่างๆ แล้ว หลอดไฟนี้ยังทำหน้าที่เป็นลำโพง (Speaker) กระจายเสียงออกไปในทุกทิศทุกทางด้วย เพียงแค่การควบคุมจาก smartphone เราก็สามารถเล่นเพลงที่อยู่ในมือถือเราให้กระจายเสียงออกผ่านทางหลอดไฟต่างๆ ภายในห้องได้ครับ

ตัวอย่างต่างๆ ข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างไม่กี่ตัวอย่างจากผลิตภัณฑ์ที่เป็น Smart, Connected Products ที่ถือว่าเป็นองค์ประกอบหนึ่งของ Internet of Things (IoT) ที่กำลังจะกลายเป็นกระแสสำคัญของปี 2558 นี้ครับ