เมื่อเสาร์โคจรวิปริต

“...พระเคราะห์มนท์เสริดพักร์นานา ทำนายว่าต่างๆ จะเกิดเป็น...” และ “...พระเสาร์และอังคารท่านภิปราย พักร์ในราศีร้ายจำเพาะมี...”
นี่คือข้อความในคัมภีร์ อรรถสาลินีอันเป็นคัมภีร์ทำนายดวงเมืองของโหราศาสตร์ไทย
คัมภีร์พูดถึงการโคจรวิปริตของดาวต่างๆ และผลที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง คำว่า “วิปริต” นี้หมายถึงดาวไม่ได้เดินหน้าไปด้วยความเร็วปกติ แต่กลับโคจรด้วยอาการผิดปกติ อันแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักคือ (1) พักร์ - ดาวโคจรถอยหลัง (2) มนท์ - ดาวเคลื่อนที่ช้าลงจนหยุดนิ่ง (3) เสริด - ดาวเดินหน้าเร็วกว่าปกติ
อาการโคจรเยี่ยงนี้ย่อมเป็นที่สงสัยแก่ผู้ไม่ได้ศึกษาโหราศาสตร์ เพราะเคยรู้มาว่า ดาวทั้งหลายมีแต่เดินหน้าไป ความรู้เช่นนี้ถูกต้องในมุมวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ถูกต้องในมุมโหราศาสตร์
ในโหราศาสตร์ มีดาวที่เดินหน้า (ตลอดกาล) แค่ 2 ดวง คือ อาทิตย์และจันทร์ ส่วนดาวอื่นคือ อังคาร-พุธ-พฤหัส-ศุกร์-เสาร์-มฤตยู-เนปจูน-พลูโต สามารถโคจรวิปริตได้เสมอ กล่าวคือ ทั้ง 8 ดวงมีทั้งเดินหน้า - หยุดนิ่ง - ถอยหลัง - หยุดนิ่ง - เดินหน้าปกติอีกครั้ง ดังในภาพ
ดาวโคจรวิปริตนี้เห็นกันตั้งแต่โบราณแล้วปูมโหรของ Babylonian ก็มีบันทึกเอาไว้ โดยเฉพาะการพักร์ (ถอยหลัง) เป็นที่สงสัยกันมาก การค้นคว้าหาคำตอบเกี่ยวกับปรากฏการณ์ดาวพักร์นี้เอง ทำให้องค์ความรู้ทางโหราศาสตร์ก้าวหน้าไปอย่างมากมาย
คำว่า “พักร์ (Retrograde)” มาจากรากศัพท์ลาติน Retrogradus ที่แปลว่า Backward-step หรือเดินถอยหลัง หมายถึงดาวโคจรถอยหลังเมื่อเทียบกับตำแหน่งอ้างอิงบนท้องฟ้า เช่น จักรราศี ดาวฤกษ์ต่างๆ แล้วดาวพักร์เกิดได้อย่างไร ? เราต้องเริ่มกันที่พัฒนาการทางดาราศาสตร์ของกรีก
อารยธรรมกรีกถือดาราศาสตร์และโหราศาสตร์คือสิ่งเดียวกัน และเป็นส่วนหนึ่งของคณิตศาสตร์ เมื่อ 700 ปีก่อนค.ศ.มีการกล่าวถึงดาวฤกษ์ต่างๆ ในมหากาพย์ Iliad และ Odyssey ต่อมาในยุคก่อนโสเครติส (600 - 500 ปีก่อนค.ศ.) มีการตั้งสมมติฐานต่างๆ ของโครงสร้างจักรวาล แต่ผู้ที่พัฒนาดาราศาสตร์ของกรีกให้เป็นระบบจริงๆ คือ Eudoxus of Cnidus (410 - 347 ก่อนค.ศ.) ซึ่งคิดค้นแบบจำลองเรขาคณิตของจักรวาลที่ชื่อ Two-sphere Model
โมเดลนี้เป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ (Paradigm) และถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ Apolloniusof Perga (262 - 190 ก่อน ค.ศ.) พัฒนาโมเดลนี้เพื่อตอบคำถามเรื่องดาวพักร์ แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์ Hipparchus of Nicaea (190 - 120 ก่อนค.ศ.) พยายามต่อ จนมาสมบูรณ์ที่Claudius Ptolemy (ค.ศ. 90 - 168) ซึ่งเขาได้อธิบายปรากฏการณ์ดาวพักร์และวิธีคำนวณเอาไว้ในคัมภีร์ Almagest บทที่ 12
แบบจำลองนี้คือ Geocentric Model จักรวาลที่มีโลกเป็นศูนย์กลาง ดวงดาวทั้งหลายโคจรรอบโลก อันเป็นพื้นฐานของดาราศาสตร์ยุคก่อน ซึ่งตรงข้ามกับ Heliocentric Model ที่ถือดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางจักรวาล ที่ Aristarchusof Samos (310 - 230 ก่อนค.ศ.) เสนอไว้เมื่อ 240 ปีก่อนค.ศ. และ Nicolaus Copernicus (ค.ศ. 1473 - 1543) นักดาราศาสตร์ชาวปรัสเซีย ได้คิดค้น (อีกครั้ง) และพัฒนาจนสมบูรณ์ในปี 1532
แม้ดาราศาสตร์ยุคปัจจุบันจะหันมายึดถือ Heliocentric Model แต่โหราศาสตร์ยังคงยึดถือตามแนวคิดเดิมของ Geocentric Model ดังนั้น ปรากฏการณ์ดาวพักร์ ก็คือดาวโคจรถอยหลังเมื่อมองจากโลก (อันเนื่องจากวิถีโคจรและความเร็วที่แตกต่างกัน) มิใช่ดาวนั้นถอยหลังจริงๆ
ช่วงกลางเดือนมีนาคม 58 ไม่เพียงเกิดสุริยคราส (สรรพคราส) ในวันที่ 20 เท่านั้น แต่ยังเกิดปรากฏการณ์ดาวสำคัญอีกประการ คือ เสาร์วิกลคติพักร์ (Stationary-retrograde) ในวันที่ 14 เวลา 19:43 น. ที่ 10 องศา 52 ลิปดาในราศีพิจิก
จากนั้น ดาวเสาร์จะถอยหลังไปจนถึงวันที่ 2 สิงหาคม 58 เสาร์จะวิกลคติเสริด (Stationary-direct) ในเวลา 10:50 น. ที่ 4 องศา 12 ลิปดาในราศีพิจิก รวมเวลาที่ถอยหลัง (ประมาณ) 4.5 เดือน
“วิกลคติ” คือหยุดนิ่ง ดังนั้น วิกลคติพักร์ คือ อาการที่ดาวหยุดนิ่งเพื่อที่จะถอยหลัง วิกลคติเสริด คือ อาการที่ดาวหยุดนิ่งเพื่อที่จะเดินหน้า ช่วงเวลาและตำแหน่งที่ดวงดาวกลับทิศโคจรนี้ ถือเป็นจุดสำคัญในการพยากรณ์
วันที่ 14 มีนาคม 58 (+/-7 วัน) จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ควรระมัดระวังอย่างยิ่ง
เสาร์เป็นดาวบาปเคราะห์ใหญ่ เมื่อโคจรวิปริตเช่นนี้ ย่อมส่งผลในทางร้ายตามความหมายของมัน เช่น ความตึงเครียด แรงกดดัน การปะทะต่อสู้ ความแห้งแล้ง ภัยอันตราย ฯลฯ
ขณะเดียวกัน เสาร์เป็นดาวเจ้าเรือน 10 (กัมมะ) อันเป็นดาวสำคัญยิ่งในดวงเมืองไทย และถือเป็นดาวตัวแทนภาคการเมือง ยิ่งสมควรวิเคราะห์ตรวจสอบอย่างละเอียด
เราพบว่า เสาร์วิกลคติพักร์ครั้งนี้ ส่งผลกระทบถึงดวงเมืองหลายประการ คือ
(1) เกิดขึ้นในราศีพิจิก อันเป็นราศีของอังคาร/ ดาวคู่ศัตรู บอกถึงความเครียด - ความขัดแย้ง
(2) เกิดในภพที่ 8 (มรณะ) การเมืองอ่อนไหว ไร้เสถียรภาพ ถูกกดดัน มีโอกาสเปลี่ยนแปลงสูง
(3) ทำมุม 120 กับจันทร์เดิม ด้านดีคือประชาชนตื่นตัวและรวมตัวเพื่อรักษาสิทธิ์ทางการเมือง ข้อควรระวังคือ อย่าให้ถูกชักนำไปในทางที่ผิด
(4) ทำมุม 150 กับอาทิตย์เดิม อาทิตย์คือผู้นำ- ผู้บริหารประเทศ / องค์กรภาครัฐ มุม 150 องศาเป็นมุมลำบาก เกิดปัญหาหนักๆ ที่ท้าทาย - ทดสอบต่อผู้นำรัฐบาล
(5) ทำมุม 135 กับราหูเดิม ราหูเดิมอยู่ภพ 12 (วินาศ) อันหมายถึงภัยจากศัตรูลับ เมื่อถูกเสาร์ทำมุมร้ายเช่นนี้ ต้องระมัดระวังศัตรูลับและขบวนการใต้ดินให้มากๆ
(6) ที่สำคัญอย่างยิ่งคือ เสาร์วิกลคตินี้เกิดร่วมกับสุริยคราส (สรรพคราส) วันที่ 20 มีนาคม อิทธิพลคราสจะเพิ่มพลังด้านร้ายของเสาร์ขึ้นไปอีกเรื่องราวถ้าไม่ควบคุมป้องกันให้ดี อาจก่อให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงตามมา อย่าประมาทเด็ดขาด
(7) ในวันที่ 17- 19 มีนาคม อังคารจรทับราหูเดิมและทำมุม 135 กับเสาร์สนิท อังคารจะยิ่งเพิ่มพลังร้ายให้กับราหู พึงระวังปฏิบัติการลับจากศัตรูผู้ไม่หวังดี รวมถึงอุบัติเหตุ - อุบัติภัยต่างๆ
ไม่เพียงเสาร์วิกลคติพักร์และสุริยคราส (สรรพคราส) ช่วงต้นเดือนเมษายนจะเกิดจันทรคราส (สรรพคราส) และมีดาวสำคัญหลายดวงเข้าร่วมคราสนี้ด้วย จึงต้องระมัดระวังไป (อย่างน้อย) จนถึงสงกรานต์
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่ามีแต่ดาวร้าย ยังมีดาวดีคุ้มครองอยู่ด้วยเช่นกัน เช่น ศุกร์ยกเข้าเมษ คุ้มลัคน์ตั้งแต่ 12 มีนา และเมื่ออาทิตย์ยกเข้ามีนในวันที่ 15 มีนา อาทิตย์-ศุกร์จะสลับอุจจ์กัน ยิ่งเพิ่มความเข้มแข็ง
ที่สำคัญที่สุดคือ พฤหัสกรกฎ (อุจจ์) ที่อยู่ในภพ 4 คุ้มจันทร์ เล็งภพ 10 (การเมือง) เป็นเกณฑ์กับลัคนา และตรีโกณถึงจุดวิกลคติและจุดคราสทั้งหมด นี่คือความหวังใหญ่ว่า รัฐบาลและบ้านเมืองจะผ่านเรื่องร้ายๆ ทั้งหลายไปได้ด้วยดี
กลางมีนา - กลางเมษาคือช่วงเวลาที่น่ากังวลและควรระมัดระวังที่สุดของปี 2558 ครับ