Holacracy การบริหารที่ไร้ผู้บริหาร

ช่วงหลังผมจะได้ยินและได้อ่านเจอเกี่ยวแนวคิดใหม่ทางการจัดการที่เรียกว่า Holacracy มากขึ้น
ซึ่งเป็นแนวคิดที่พลิกผันจากสิ่งที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน เป็นการบริหารที่ไม่มีทั้งเจ้านาย ไม่มีโครงสร้างที่เทอะทะ รวมถึงไม่มีสายการบังคับบัญชาแบบเดิมๆ
แนวคิดนี้ถูกคิดขึ้นมาโดย Brian Robertson และล่าสุดเขาก็จดลิขสิทธิ์คำนี้ไว้ด้วย ในปัจจุบันก็เริ่มมีหลายๆ บริษัทที่นำเอาแนวคิดของ Holacracy ไปใช้แล้ว ถ้าที่โด่งดังที่สุดคือ Zappos ครับ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Amazon และทำธุรกิจขายรองเท้าผ่านเน็ต
แนวคิดของ Holacracy เกิดขึ้นเนื่องจากวิวัฒนาการของธุรกิจในปัจจุบันที่เข้าสู่ยุค Collaborative หรือ Sharing หรือ Peer-to-Peer Economy (ลองกลับไปค้นบทความเก่าๆ ของผมนะครับ ได้เขียนไว้หลายครั้งแล้ว) ทำให้นอกเหนือจากรูปแบบของธุรกิจที่จะต้องเปลี่ยนไป รูปแบบของการบริหารองค์กรก็เปลี่ยนไปด้วย เนื่องจากรูปแบบ โครงสร้าง การบริหารองค์กรที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั้น ถือว่าไม่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบัน
หลักการพื้นฐานของ Holacracy นั้น ดูเหมือนจะง่ายครับ นั่นคือเป็นการลบล้างอำนาจและโครงสร้างทางการบริหารออกไป และมีการกำหนดบทบาท หรือ Roles ต่างๆ ที่ต้องทำหรือรับผิดชอบให้ชัดเจน หลังจากนั้นผู้ที่รับผิดชอบต่อแต่ละบทบาท ก็ดำเนินงานไปโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องมีเจ้านายมาคอยเฝ้าติดตามและควบคุม
อ่านดูแค่นี้อาจจะง่ายนะครับ แต่จริงๆ แล้วหลักการของ Holacracy ยังมีกฎเกณฑ์ วิธีการ กระบวนการต่างๆ ในการทำงานอีกมาก และที่สำคัญคือการทำงานภายใต้ระบบ Holacracy นั้น จะต้องมีการกำหนดบทบาท ความรับผิดชอบ และความคาดหวังในการทำงานที่ชัดเจน
ความแตกต่างที่สำคัญของการบริหารแบบ Holacracy กับการบริหารแบบดั้งเดิมก็คือ Holacracy นั้นบทบาท (Roles) จะถูกกำหนดโดยงานเป็นหลัก (ไม่ใช่ตัวคน) อีกทั้งยังมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา และคนแต่ละคนก็สามารถที่จะสวมบทบาทได้หลายบทบาท นอกจากนี้ อำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจก็จะถูกกระจายไปยังทีมและผู้ที่ดำรงบทบาทต่างๆ การตัดสินใจจะเกิดขึ้นในระดับปฏิบัติการโดยผู้สวมบทบาทต่างๆ อีกทั้งโครงสร้างก็จะมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา รวมทั้งทีมหรือกลุ่มการทำงานก็จะเป็นทีมที่มีลักษณะบริหารด้วยตนเอง ไร้ซึ่งหัวหน้า สุดท้ายที่สำคัญคือจะมีกฎ และแนวทางในการทำงานที่เปิดเผย โปร่งใส และชัดเจน ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติตามรวมถึงตัว CEO ด้วย (น่าสนใจนะครับว่าระบบ Holacracy นั้นไม่มีผู้บริหารแล้ว แต่ยังมี CEO อยู่)
โดยหลักการแล้วดูเหมือน Holacracy จะเป็นสิ่งที่ดี เหมาะสมกับยุคสมัยปัจจุบันที่ทุกอย่างรอบๆ ตัวมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่เราลองมาดูผลกระทบในเชิงลบของ Holacracy กันบ้างนะครับ
ที่ Zappos เอง CEO ของเขา (Tony Hsieh) มองว่าการนำ Holacracy มาใช้นั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้าเกินไป แต่ขณะเดียวกัน ตั้งแต่ Zappos นำ Holacracy มาใช้ มีพนักงานที่ไม่เห็นด้วยกับหลักการนี้และลาออกไปแล้วถึง 14% ของพนักงานทั้งหมด (จากเดิมอัตราการลาออกของบริษัทอยู่ที่ 1%) ทั้งนี้ เนื่องจากทาง Zappos กล้าหาญถึงขั้นที่ให้เงินชดเชยกับพนักงานที่ไม่เห็นด้วยกับหลักของ Holacracy และตัดสินใจที่จะลาออก อย่างไรก็ดี เรายังไม่สามารถบอกได้ว่าจำนวน 14% ที่ลาออกนั้น เป็นพนักงานกลุ่มที่ดีที่สุดหรือพนักงานกลุ่มที่ผู้บริหารอยากจะให้ออกอยู่แล้ว
นอกจากนี้ หลักการบริหารแบบไม่มีผู้บริหารนั้นดูเหมือนจะน่าที่จะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่จริงๆ แล้ว Holacracy ยังมีรายละเอียดอยู่เยอะพอสมควร เช่น จริงๆ แล้วหลักการของ Holacracy ใช้จะไร้ซึ่งเจ้านายโดยสิ้นเชิง เพียงแต่ผู้ที่ทำการตัดสินใจจะเป็นผู้ที่มีบทบาทที่ต้องรับผิดชอบและตัดสินใจ และผู้ที่มีบทบาทนั้นก็สามารถที่จะปรับเปลี่ยนไปได้ตามกลไกต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากองค์กรปกติ ที่ผู้ที่มีบทบาทและอำนาจในการตัดสินใจ จะต้องเป็นผู้บริหารตามสายการบังคับบัญชาเท่านั้น
มีอีกกรณีหนึ่งที่อีกบริษัทที่เมื่อพนักงานขอให้ได้รับการพิจารณา เพื่อให้มีการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือพนักงานคนดังกล่าวถูกให้ออก เนื่องจากตามระบบ Holacracy แล้ว ไม่มีผู้บริหาร ดังนั้น ทุกคนก็จะอยู่ในระนาบเดียวกัน แตกต่างกันไปแค่ตามบทบาทที่ได้รับเท่านั้นเอง
Holacracy ยังมีรายละเอียดอีกเยอะมากนะครับ ท่านผู้อ่านที่สนใจลองเข้าไปหารายละเอียดได้ที่ www.holacracy.org ซึ่งเป็นของ Brain ผู้คิดค้นหลักการนี้ขึ้นมา โดยส่วนตัวแล้วคิดว่ายากที่องค์กรหนึ่งจะนำหลัก Holacracy มาประยุกต์ใช้ได้อย่างเต็มที่ อย่างมากก็นำหลักการบางอย่างมาประยุกต์ใช้เท่านั้นเองครับ