เร่งไล่'สต็อกลม'ข้าวจำนำ
คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว หรือนบข.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
เป็นประธาน มีมติสำคัญในการบริหารสต็อกข้าวกว่า 15 ล้านตัน โดยแบ่งเป็นข้าว 3 ประเภท 1.ข้าวที่บริโภคได้ แบ่งเป็น ข้าวเกรดAและเกรดB ประมาณ 9.57 ล้านตันไปประมูลขายให้เอกชน ทำข้าวถุงจำหน่ายหรือส่งออก
- ข้าวที่เสื่อมคุณภาพ ไม่สามารถนำมาทำข้าวสำหรับบริโภคได้ หรือข้าวเกรด C ประมาณ 4.6 ล้านตัน ต้องไปใช้ทำเชื้อเพลิงเอทานอล ข้าวที่มีคุณภาพต่ำมาก หรือมีข้าวที่มีความเสียหายมาก ไม่สามารถนำไปทำเชื้อเพลิงเอทานอลได้ ประมาณ 1.2 ล้านตัน ต้องไปใช้เป็นเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้าชีวมวล
ผลพวงจากโครงการจำนำข้าวตามมาหลอกหลอน ในที่สุดก็ต้องเผาข้าว ที่ใช้เงินงบประมาณรัฐไปซื้อมาเก็บไว้ปริมาณมาก ภายใต้โครงการจำนำทุกเมล็ด ภายใต้ความอหังการ์ที่คิดว่าไทยผู้ผลิตเล็กๆประมาณ 30 ล้านตันต่อปี จากกว่า 300 ล้านตันของโลก จะกำหนดทิศทางราคาข้าวโลกได้
ภายใต้แนวคิดทำให้ชาวนาเข้มแข็งและกลไกการค้าข้าวทั้งระบบเข้มแข็ง แต่เหตุการณ์กลับกลายเป็นตรงกันข้ามทั้งสิ้น องคาพยพข้าวไทยแทบจะพินาศสิ้นจากนโยบายในลักษณะนี้และเป็นราคาที่คนไทยต้องจ่ายแพงเกินไป
ปัญหาจากการจำนำข้าวยังมีผลพวงต่อเนื่องและไม่จบสิ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยเฉพาะปัญหาความฉ้อฉลที่หมักหมมอยู่ภายใต้โครงการนี้ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ต้องสั่งการและหนุนหลัง ให้ข้าราชการทำงานอย่างเข้มแข็งและตรงไป ตรงมา คลี่คลายปัญหาที่ซ่อนอยู่ทีละเปลาะๆให้ได้
ปัญหาเฉพาะหน้าคือต้องสางปมคุณภาพข้าวให้ชัดเจนให้ได้ แม้จะแยกแยะเบื้องต้นได้ มีข้าวเกรด A B และCและข้าวเกรดเน่าที่ไม่สามารถบริโภคได้ในเบื้องต้นก็ตาม ซึ่งปมปัญหาคุณภาพข้าวปะทุขึ้นอีกรอบเมื่อผู้ส่งออกที่ชนะประมูลและไปเปิดโกดังข้าว แต่บางรายยังไม่สามารถนำข้าวออกจากโกดัง หรือคลังสินค้าที่ซื้อได้ เพราะข้าวไม่ได้คุณภาพข้าว เหมือนที่ไปดูก่อนการเปิดประมูล
ได้มีเสียงโวยวายให้เจ้าของโกดังรับผิดชอบ ปรับปรุงคุณภาพข้าวให้ดีขึ้น แต่เจ้าของโกดังกลับไปอ้างว่า ข้าวในโกดังได้คุณภาพมาตรฐาน เพราะผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากคณะกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าว ที่มีม.ล.ปลัดดา ดิศกุล รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานแล้ว มีรูปแบบลักษณะนี้เกิดขึ้นอย่างน้อย 8 โกดังในจ.นครสวรรค์ กำแพงเพชร ชัยนาท และอ่างทอง
ที่สำคัญเจ้าของโกดังยังมีพฤติกรรมก้าวร้าว ข่มขู่ผู้ซื้อ และเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปตรวจสอบเอาด้วย ความจริงในช่วงหลังของโครงการรับจำนำได้ปรับเปลี่่ยนให้เจ้าของโกดังรับผิดชอบคุณภาพข้าวด้วยแล้วหลังจากช่วงแรกแค่รับฝากเก็บอย่างเดียว
ประเด็นปัญหานี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอน เพราะการเก็บข้าวในโกดังที่มีกระบวนการมิชอบก่อนหน้านี้
อีกเปลาะหนึ่งที่สำคัญมากไม่น้อยเช่นกัน คือ สต็อกลมข้าว ที่ปัญหาทุกวันนี้ยังไม่จบ โดยโรงสีที่เข้าร่วมโครงการยื่นบัญชีส่งมอบข้าวที่สีแปรแล้ว แต่ไม่ได้ส่งจริง ส่งไม่ทัน ขอผ่อนผัน เมื่อมีการตรวจสต็อกขึ้นจึงไม่ตรงกับในบัญชี สาเหตุเกิดขึ้นได้จากการโขมยข้าวจากโกดังไปขายก่อน หรือส่งเฉพาะตัวเลขบัญชี ซึ่งในส่วนนี้คิดเป็นปริมาณเป็นแสนตัน มูลค่าหลายพันล้านบาท
ต้องไล่เบี้ยให้ถึงที่สุด จนถึงบัดนี้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบไม่ควรผ่อนผันอีก หากส่งไม่ครบเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาโครงการมานานแล้ว จำเป็นต้องเรียกค่าปรับตามสัญญา หรือให้โรงสีที่ไม่ส่งมอบข้าวชดใช้ความเสียหาย ต้องแจ้งความดำเนินคดีทุกกรณี
รัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ องค์การคลังสินค้า(อคส.) ต้องเข็มแข็ง ไม่ลู่ลมโอนอ่อนไปตามพ่อค้าโรงสีที่เจตนาไม่สุจริต ต้องไล่สต็อกลมตรงนี้ให้ได้
ปัญหาเรื่องข้าวจากการจำนำ มากมายไม่รู้จบจริงๆ