เมื่อซีอีโอกับผู้ว่าอยากกลับไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย

เราบ่นกันว่า มหาวิทยาลัยบ้านเราไม่ค่อยจะติดอันดับโลก เหมือนบ้านเมืองที่พัฒนาแล้ว
ของเขาอยู่อันดับต้นๆ ของเราสามร้อยเจ็ดร้อย คนรักชาติบ้านเมืองก็ย่อมอยากเข้ามาช่วย เหมือนกับที่อาจารย์มหาวิทยาลัยยังเที่ยวไปช่วยทำนั่นทำนี่ในบ้านเมืองนี้เต็มไปหมด ไปช่วยตั้งแต่ยกร่างรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งช่วยออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ลองมาดูกันว่าท่านอดีตซีอีโอกับท่านอดีตผู้ว่าการ จะมาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยในบ้านเราได้ ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ตามเกณฑ์มาตรฐานที่ใช้กำกับการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยล่าสุดพึ่งประกาศมาเร็วๆ นี้
เริ่มต้นจากท่านผู้บริหารที่อยากมาถ่ายทอดประสบการณ์ที่สะสมจากการทำงานเป็นซีอีโอ เป็นอธิบดี เป็นปลัดกระทรวง เป็นผู้ว่าการ ท่านอยากช่วยให้นิสิตนักศึกษาได้เรียนรู้จากสรรพสิ่งที่ท่านสะสมไว้ในระหว่างทำงานสำคัญเหล่านั้น คิดว่าทำงานมานานสิบปียี่สิบปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะแล้ว อยากให้คนรุ่นลูกหลานได้ความรู้จากประสบการณ์ของท่าน เหมือนกับที่อดีตรัฐมนตรีเมืองฝรั่งชอบกลับมาสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย เมื่อท่านพ้นหน้าที่สำคัญนั้นแล้ว ท่านสามารถมาเป็นอาจารย์ประจำในมหาวิทยาลัยได้หากท่านจบปริญญาโทหรือปริญญาเอก ถ้าจบปริญญาตรีท่านไม่สามารถมาช่วยเป็นอาจารย์ประจำในมหาวิทยาลัยได้ ช่วยได้มากที่สุดคือช่วยเป็นอาจารย์พิเศษในบางวิชา แต่ไม่สามารถสอนได้ทั้งวิชานั้น ต้องแบ่งให้คนที่เป็นอาจารย์ประจำช่วยสอนอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดนี้
หากท่านจบปริญญาโท ท่านมาเป็นอาจารย์ประจำสอนหลักสูตรปริญญาตรีได้เลย แต่ท่านต้องผ่านการทดสอบภาษาอังกฤษตามเกณฑ์ที่กำหนดด้วย ท่านอาจจะจบปริญญาโทมาจากคณะรัฐศาสตร์ที่โด่งดังที่สุดในบ้านเรามาเมื่อสามสิบปีก่อน จะเป็นสิงห์สีอะไรก็แล้วแต่ เป็นผู้ว่ามาอีกสิบหกปี ท่านจะมาเป็นอาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐศาสตร์ในวันนี้ได้ ท่านต้องมีคะแนนทดสอบภาษาอังกฤษ TOEFL TOEIC หรืออย่างอื่นตามที่เกณฑ์กำหนดเสียก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าคนที่มาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยบ้านเรา สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว
ถ้าท่านซีอีโออยากมาช่วยสอนปริญญาโทเอ็มบีเอ หลังจากที่ท่านพ้นหน้าที่ควบคุมกิจการระดับภูมิภาค ระดับโลกมายี่สิบ สามสิบปี คิดไว้ว่าวันใดเหนื่อยแล้วกับการบริหาร แต่ไม่อยากให้ประสบการณ์ธุรกิจที่สะสมไว้หายไปเปล่าๆ วางแผนชีวิตว่าจะมาเป็นอาจารย์สอนเอ็มบีเอ ให้คนหนุ่มสาวเอาประสบการณ์ของท่านไปทำธุรกิจให้ก้าวไกลต่อไป ถ้าท่านจบเอ็มบีเอมา และท่านมีผลงานที่สามารถเทียบเคียงได้ กับผลงานที่คนที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยสามารถเอาไปใช้เลื่อนตำแหน่งวิชาการไปเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์
หรือที่ชัดๆ กว่านั้น คือท่านมีผลงานวิจัยตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิจัยที่ปรากฏอยู่ในฐานข้อมูลระดับโลก แต่ไม่รวม Google Scholar ที่คุ้นเคยกันอยู่ อย่างน้อยหนึ่งเรื่องในระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา ท่านสามารถมาเป็นอาจารย์ประจำสอนปริญญาโทได้ แต่ถ้าจะไปคุม จะไปสอบวิทยานิพนธ์ หรือการค้นคว้าอิสระได้ ท่านต้องจบปริญญาเอกและมีผลงานที่เล่ามาแล้วอย่างน้อยสามเรื่องในห้าปีที่ผ่านมา และหนึ่งเรื่องต้องเป็นผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิจัยด้วย
วันนี้ไม่ง่ายนักที่ท่านผู้บริหารจะวางแผนชีวิต ว่าวันหน้าฉันจะกลับมาช่วยมหาวิทยาลัย ในฐานะอาจารย์ประจำคนหนึ่ง หรือแม้แต่ท่านที่คิดแค่ว่าไปช่วยคุมช่วยสอบวิทยานิพนธ์ ไม่ไปเป็นอาจารย์ประจำ ท่านก็ยังต้องมีคุณสมบัติไม่แตกต่างไปจากที่เล่ามามากนัก คือยังต้องมีผลงานวิชาการติดตัวมาสักห้าเรื่องเสียก่อน ไม่เช่นนั้นก็ต้องให้สภามหาวิทยาลัยแห่งนั้น ให้ความเห็นชอบเสียก่อน และยังต้องให้คณะกรรมการอุดมศึกษา ซึ่งเป็นกรรมการกำกับดูแลกิจการอุดมศึกษารับทราบการแต่งตั้งท่านเป็นผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง เพื่อมาทำหน้าที่ช่วยคุมช่วยสอบวิทยานิพนธ์
ดังนั้นวันนี้ท่านผู้บริหารท่านใดที่ปรารถนาดี แต่คุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามที่เกณฑ์มาตรฐานอุดมศึกษากำหนดไว้ มหาวิทยาลัยใดมาเชิญให้ช่วยสอน จะเป็นอาจารย์ประจำ หรืออาจารย์พิเศษก็ตาม มาขอให้ช่วยเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ช่วยสอบวิทยานิพนธ์ ขอท่านผู้บริหารได้โปรดสอบถามให้ชัดๆ ก่อนว่ามหาวิทยาลัยได้ดำเนินการครบถ้วนตามที่เกณฑ์อุดมศึกษากำหนดไว้หรือไม่ เพราะลูกศิษย์ที่ท่านไปช่วยด้วยความปรารถนาดียิ่งนั้น อาจจะซวยเพราะเรียน เพราะทำวิทยานิพนธ์ หรือสอบวิทยานิพนธ์ไม่สอดคล้องกับที่เกณฑ์มาตรฐานอุดมศึกษากำหนดไว้ จบได้ปริญญาไปก็จริง แต่เป็นปริญญาที่ทางการไม่รับทราบ ไปทำงานหลวงไม่ได้ ที่แย่ไปอีกคือจบไปโดยไม่รู้ตัวว่าจบแบบไม่ถูกต้องตามเกณฑ์
วันหน้าได้นั่งเก้าอี้ผู้บริหารในหน่วยงานของรัฐอยู่ดีๆ มีคนหวังเลื้อยเก้าอี้ มาประกาศว่าผู้นั้นสอบวิทยานิพนธ์ไม่ถูกต้อง ดีไม่ดีปริญญาจะถูกยึด เก้าอี้บริหารก็จะพังตามลงมาด้วย กลายเป็นว่าท่านผู้บริหารที่อยากไปช่วยมหาวิทยาลัยด้วยความหวังดี กลับไปร่วมก่อเวรกรรมที่เหมือนระเบิดเวลา ที่ไม่รู้ว่าจะระเบิดทำลายชีวิตการงานของลูกศิษย์ที่ท่านปรารถนาดีคนนั้น หรือไม่ในวันใด
ส่วนท่านผู้บริหารที่ยังเป็นหนุ่มสาว อยากมีปริญญาโทปริญญาเอก ก็อย่ารีบร้อนเลือกที่เรียน เห็นใครโด่งดังก็ไปเรียน เห็นเป็นอดีตคนใหญ่คนโตในหน่วยงานระดับชาติ เห็นว่าเป็นดอกเตอร์ ก็ไปทำวิทยานิพนธ์กับคนนั้น โดยไม่รู้ตัวว่าเรียนไป ทำวิทยานิพนธ์ไป โดยไม่ถูกต้องตามเกณฑ์แค่ท่านซีอีโอคนดังคนนั้นจบดอกเตอร์มาจากญี่ปุ่นแล้ว มาเป็นอาจารย์ประจำ โดยไม่มี TOEFL ก็หลุดเกณฑ์เสียแล้ว
ดังนั้น หากท่านผู้บริหารหนุ่มสาวทั้งหลายไม่อยากได้ปริญญา ที่มีระเบิดเวลาทำลายอนาคตการงานติดมาด้วย ก็จงเลือกให้ดีก่อนตัดสินใจใดๆ