พรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่นกับการเมืองในเอเซียตะวันออก

ญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่มีพรรคคอมมิวนิสต์ที่ยังคงมีบทบาททางการเมืองอยู่ในปัจจุบัน โดยพรรคคอมมิวนิสต์
ญี่ปุ่นก่อตั้งขึ้นในเดือนกรกฎาคม 1922 ซึ่งเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นอยู่ในระบบการปกครองแบบอำนาจนิยม ที่ปฏิเสธแนวคิดทางการเมืองแบบคอมมิวนิสต์โดยสิ้นเชิง และในขณะเดียวกันก็ยังเป็นช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นแผ่ขยายอำนาจของตนเอง ออกไปสู่จีนและเกาหลี ซึ่งบทบาททางการเมืองระว่างประเทศของญี่ปุ่นในช่วงเวลานี้ ได้กลายมาเป็นบาดแผลทางประวัติศาสตร์ที่บั่นทอนความสัมพันธ์ ระหว่างญี่ปุ่นกับจีนและเกาหลีใต้มาจนปัจจุบัน
ในช่วงเวลานี้ แม้พรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่นจะถูกปราบปรามจากรัฐ และได้รับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากกลุ่มการเมืองฝ่ายขวา แต่ทางพรรคก็อ้างว่าตนเองได้ทำการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของจีน เกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ ในเอเซียที่ตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นหรือถูกญี่ปุ่นรุกราน
หลังจากที่ญี่ปุ่นแพ้สงครามในปี 1945 พรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่นก็ยังต้องเผชิญกับแรงกดดันจากอเมริกาที่เข้ามาปกครองญี่ปุ่น และฝ่ายอนุรักษ์นิยมญี่ปุ่นที่กลับมามีอำนาจทางการเมืองอีกครั้ง และหลังจากที่ญี่ปุ่นได้รับเอกราชโดยสมบูรณ์จากอเมริกาในปี 1952 พรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่นก็ประสบกับมีปัญหาความแตกแยกภายใน เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพรรคกับสองประเทศคอมมิวนิสต์สำคัญคือจีนและรัสเซีย จนกระทั่งปี 1961 พรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่นจึงกลับมามีเอกภาพอีกครั้ง และได้กำหนดหลักการสำคัญสองประการที่เป็นพื้นฐานทางการเมืองของพรรคมาจนปัจจุบัน คือทำการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยวิถีทางประชาธิปไตย และปฏิเสธการแทรกแซงจากภายนอก
ในปัจจุบัน พรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่นอ้างว่า ตนเองมีสมาชิกประมาณ 305,000 คนใน 20,000 สาขาทั่วประเทศ มีหนังสือพิมพ์ของพรรคที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1928 ชื่อ “ธงแดง” (“อะกะฮะตะ”) ซึ่งมีผู้อ่านราว 1.2 ล้านคน และในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา (ปี 2014) พรรคได้คะแนนเสียงกว่า 6 ล้านคะแนน คิดเป็นที่นั่ง 21 ที่นั่งจากทั้งหมด 480 ที่นั่งของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการเลือกตั้งในอดีต แต่ทั้งนี้เป็นเพราะเงื่อนไขทางการเมืองของญี่ปุ่นในเวลานั้นด้วย
ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ประธานพรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่น ชิอิ คะซุโอะได้ตอบรับคำเชิญของมหาวิทยาลัยคอนกุก ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ไปบรรยายพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปีของการสิ้นสุดลงของสงครามโลกครั้งที่ 2 และครบรอบ 50 ปีของการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ในการบรรยายครั้งนี้ชิอิได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า การผนวกเกาหลีเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักวรรดิญี่ปุ่นในปี 1910 นั้น ไม่ยุติธรรมและผิดกฎหมาย เพราะการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นโดยการบังคับข่มขู่ด้วยกำลังทหาร
นอกจากนั้น ชิอิยังกล่าวโจมตีนายกรัฐมนตรีอาเบะ และกลุ่มการเมืองขวาจัด เกี่ยวกับการบิดเบือนประวัติศาสตร์ และการออก “กฎหมายสงคราม” หรือกฎหมายที่อนุญาตให้มีการขยายขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่ของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น ชิอิยังกล่าวด้วยว่าพรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่นจะพยายามจัดตั้ง “รัฐบาลพันธมิตรแห่งชาติ” ขึ้นเพื่อยับยั้งรัฐบาลอาเบะ และ “กฎหมายสงคราม” ดังกล่าว เพื่อพาการเมืองญี่ปุ่นไปสู่ทิศทางใหม่ซึ่งจะเป็นคุณต่อการสร้างสันติภาพขึ้นในเอเซียตะวันออกและโลก
การบรรยายของชิอินี้ สะท้อนถึงภาวะปัจจุบันของการเมืองและนโยบายต่างประเทศของญี่ปุ่น ที่แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายที่นำโดยพรรคแอลดีพี ที่ครองอำนาจอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งสนับสนุนการลดข้อจำกัดในการปฏิบัติหน้าที่ของกองกำลังป้องกันตนเอง ความสัมพันธ์ใกล้ชิดด้านความมั่นคงกับอเมริกา การแก้รัฐธรรมนูญ และท่าทีที่ค่อนข้างไม่ยืดหยุ่นต่อความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และอีกฝ่ายหนึ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่นเป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งคัดค้านพรรคแอลดีพีในทุกเรื่องที่กล่าวมา และต้องการมีนโยบายต่างประเทศที่ยืดหยุ่นมากขึ้นต่อประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในเรื่องบาดแผลทางประวัติศาสตร์
เป็นที่คาดการณ์กันว่า ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลอาเบะ จะกลับมาเป็นประเด็นร้อนแรงทางการเมืองอีกครั้งหนึ่งในช่วงฤดูร้อนของปีหน้า ในช่วงเวลานั้น พรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่นจะเผชิญกับบททดสอบสำคัญอีกครั้ง ว่าพรรคจะสามารถเป็นทางเลือกให้กับคนญี่ปุ่น เพื่อนำญี่ปุ่นไปสู่อนาคตที่ต่างออกไปจากทิศทางที่พรรคแอลดีพีเป็นผู้กำหนดมาตั้งแต่ปี 1955 ได้หรือไม่ และนี่อาจจะเป็นหน้าที่ที่แท้จริงตามเจตนารมณ์ดั้งเดิมในการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ญี่ปุ่นด้วยก็เป็นได้
----------------------
ภาคภูมิ วาณิชกะ
ศูนย์จริยธรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย