รูปแบบที่ได้รับการยอมรับ กับแนวคิดสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์

รูปแบบที่ได้รับการยอมรับ กับแนวคิดสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์

เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า ในการสร้างนวัตกรรมให้ประสบความสำเร็จ เจ้าของนวัตกรรมจะต้องมีความรู้ความชำนาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาก่อน

และต้องมีความสามารถในการดูดซับองค์ความรู้ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี หรือจินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของคนทั่วไป

สำหรับนวัตกรรมเชิงผลิตภัณฑ์ ที่อาจเสนอความแปลกใหม่ของสินค้าออกสู่ตลาดได้ในหลายๆ รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการต่อยอดสินค้าเดิมให้เกิดความแตกต่าง ไปจนถึงสินค้ารูปแบบใหม่ที่มีการใช้งานต่างออกไปแบบพลิกโฉม

มีแนวคิด 2 เรื่องที่สำคัญต่อความเข้าใจถึงวิธีที่ธุรกิจนำมาใช้จัดการนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นในองค์กร

แนวคิดแรก เกี่ยวกับ รูปแบบที่ได้รับการยอมรับ (Dominant Design) ของผลิตภัณฑ์ ซึ่งหมายถึงรูปแบบ หรือดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั่วไปว่าเหมาะสมและได้ยึดถือเป็นแบบฉบับของสินค้านั้นๆ

เช่น จักรยานที่มี 2 ล้อ โทรทัศน์ที่มีจอภาพเป็นรูปสี่เหลี่ยม ตู้เย็น หรือ รถยนต์ที่มียางล้อแบบต้องสูบลม

ในอุตสาหกรรมต่างๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ จะพบได้ว่า เทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ไม่ได้พัฒนาถึงจุดสูงสุดตั้งแต่การเริ่มต้นนำเสนอผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด

การพัฒนาด้านเทคโนโลยีจะมีลักษณะที่เริ่มจากการทดลองในรูปแบบต่างๆ จนกระทั่งถึงจุดที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น Dominant Design

การพัฒนาผลิตภัณฑ์จะลดระดับลงจากการพยายามคิดค้นรูปแบบใหม่ๆ กลายมาเป็นการพัฒนาแบบต่อยอดโดยยึดถือรูปแบบที่ได้รับการยอมรับแล้วนั้นเป็นศูนย์กลาง

นวัตกรรมในรุ่นต่อๆ มาจึงไม่มีความหวือหวามากนัก จนกว่าจะเกิดการอิ่มตัวต่อรูปแบบเดิม และมีผู้ที่จะลองสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ออกมาทดลองตลาด

ซึ่งจะทำให้กลับไปสู่วงจรเดิมคือการพัฒนารูปแบบต่างๆ จนกระทั่งตลาดเป็นผู้ตัดสินว่า รูปแบบใดที่จะกลายมาเป็นรูปแบบที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับมากที่สุด

เช่น โทรศัพท์มือถือ ที่เปลี่ยนรูปร่างจากการมีปุ่มกด จนกลายมาเป็นโทรศัพท์มือถือที่มีเพียงหน้าจอเรียบๆ และสามารถใช้หน้าจอแทนปุ่มกดจริงๆ ได้

ส่วนแนวคิดที่ 2 ในการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ได้แก่การที่ ธุรกิจสามารถสร้างองค์ความรู้และสมรรถนะขึ้นมาได้จากงานที่ปฏิบัติซ้ำเดิมอยู่บ่อยๆ ในระหว่างการดำเนินธุรกิจเดิม

จุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีใหม่ มักจะเป็นช่วงที่ค่อนข้างสับสน ยังไม่มีผู้ใดสามารถสรุปได้ว่า ระบบย่อยที่จะประกอบกันขึ้นเป็นตัวผลิตภัณฑ์จะเป็นอย่างไร และจะเชื่อมต่อเข้าด้วยกันอย่างไร ทำให้เกิดการทดลองทำในรูปแบบต่างๆ อย่างมากมาย

เช่น ในระยะเริ่มต้นของอุตสาหกรรมรถยนต์ มีการใช้เครื่องยนต์จากน้ำมันเชื้อเพลิง ไฟฟ้า หรือไอน้ำ บังคับทิศทางด้วยพวงมาลัย หรือ ก้านคล้ายหางเสือเรือ และตัวถังรถที่ทำด้วยไม้ หรือด้วยแผ่นโลหะ

ช่วงของการทดลองรูปแบบต่างๆ เหล่านี้ จะสิ้นสุดลงเมื่อเริ่มเกิดรูปแบบที่ได้รับการยอมรับของรถยนต์ ซึ่งรูปแบบที่ได้รับการยอมรับ มักจะมีลักษณะเป็นการรวมกันระหว่าง การออกแบบหลักที่ตอบสนองกับการทำงานของผลิตภัณฑ์ ที่ฝังตัวลงไปในชิ้นส่วนต่างๆ ที่นำมาเชื่อมต่อกันอย่างลงตัว

รูปแบบที่ได้รับการยอมรับ มักปรากฏเด่นชัดยิ่งขึ้น เมื่อเกิดโอกาสในการผลิตเป็นจำนวนมาก หรือสามารถใช้ประโยชน์จากชิ้นส่วนอื่นๆ ที่มีผู้ผลิตอยู่ก่อนแล้ว

ตัวอย่างเช่น รูปแบบที่ได้รับการยอมรับของรถยนต์ ที่นอกจากการใช้เครื่องยนต์จากน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นตัวขับเคลื่อนแล้ว ยังมีการใช้ล้อที่เชื่อมต่อกับชุดเกียร์ และเพลาขับ ที่ติดตั้งอยู่บนโครงรถ แทนการติดตั้งเครื่องยนต์โดยตรงกับแกนล้อ ซึ่งชิ้นส่วนและโครงสร้างเหล่านี้ได้รับการพัฒนามาจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ อยู่ก่อนแล้ว

รูปแบบที่ได้รับการยอมรับ ประกอบขึ้นจากการเลือกรูปแบบพื้นฐานที่ไม่ต้องนำมาออกแบบใหม่ทั้งหมด ในทุกครั้งที่เปลี่ยนโฉมของรถยนต์รุ่นต่อไป นวัตกร ไม่จำเป็นที่จะต้องมาคิดกันอีกว่า จะใช้เครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอีกหรือไม่ในการออกแบบรถยนต์แบบใหม่ เมื่อเกิดรูปแบบที่โดดเด่นแล้ว ชิ้นส่วนประกอบต่างๆ ที่เคยใช้อยู่เดิม เพียงแต่จะได้รับการพัฒนาหรือปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยที่แนวโน้มของการพัฒนาผลิตภัณฑ์จะมุ่งไปที่การปรับปรุงชิ้นส่วนต่างๆ ที่ประกอบอยู่ในโครงสร้างของสถาปัตยกรรมที่ลงตัวแล้ว

ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เมื่อผลิตภัณฑ์ใดๆ เข้าสู่จุดที่ตลาดตัดสินใจเลือกแล้วว่า เป็น Dominant Design นวัตกรรมที่ต่อเนื่องมักจะเกิดเป็นประเภทนวัตกรรมแบบต่อยอดเท่านั้น

กระบวนการตามธรรมชาติของการพัฒนานวัตกรรมแบบนี้ ทำให้เกิดผลกระทบอย่างมากต่อประเภทขององค์ความรู้ที่ธุรกิจที่ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่จำเป็นต้องมี

เนื่องจากองค์ความรู้ของธุรกิจและความสามารถในการจัดการความรู้ของธุรกิจ จะขึ้นอยู่กับธรรมชาติของงานและระดับของการแข่งขันที่ธุรกิจนั้นๆ ต้องเผชิญอยู่

ในช่วงแรกๆ ที่เทคโนโลยีใหม่จะเกิดขึ้น ก่อนที่จะเข้าสู่ระยะของ รูปแบบที่ได้รับการยอมรับ ธุรกิจจะแข่งขันกันทดลองออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อหวังให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จ

แต่เนื่องจากความสำเร็จในตลาดจะเกิดจากเทคโนโลยีใหม่ที่ตลาดยังไม่มี ดังนั้นธุรกิจจึงต้องพัฒนาองค์ความรู้ทั้งในด้านของชิ้นส่วนใหม่ๆ ที่จะมาใช้แทน และองค์ความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับวิธีการเชื่อมต่อชิ้นส่วนเหล่านี้เข้าด้วยกัน

แต่เมื่อเข้าสู่ระยะของการมีรูปแบบที่โดดเด่น จะเกิดการยอมรับรูปแบบสถาปัตยกรรมของผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งแล้ว ธุรกิจจะยุติความสนใจในการลงทุนเพื่อที่จะแสวงหารูปแบบและชิ้นส่วนต่างๆ ที่แตกต่างไปจากชุดของชิ้นส่วนที่ได้รับการยอมรับกันแล้ว ความรู้ใหม่เกี่ยวกับชิ้นส่วนต่างๆ จึงมีความหมายต่อธุรกิจในการสร้างนวัตกรรม มากกว่าความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและการเชื่อมต่อชิ้นส่วนที่ถือว่าตลาดยอมรับแล้ว

เนื่องจากการแข่งขันระหว่างผลิตภัณฑ์ จะมุ่งความสนใจไปที่องค์ประกอบที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น ธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จจึงต้องเปลี่ยนความสนใจจากการพยายามเรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบใหม่หลายๆ แบบ ไปเป็นการมุ่งให้กับการเรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบที่โดดเด่นเพียงรูปแบบเดียว แล้วหันมาพัฒนาสินค้าให้มีความแตกต่างในด้านความสะดวกในการใช้งาน การพัฒนาการผลิตให้มีผลิตภาพสูงขึ้น หรือ ลดต้นทุนในการผลิต เป็นต้น

สุดท้ายนี้ขอถือโอกาสสวัสดีปีใหม่กับท่านผู้อ่านทุกท่าน และขอให้มีความสุข ประสบความสำเร็จในธุรกิจและหน้าที่การงานตลอดไปครับ