ความฝัน'เสือแห่งเอเชีย' กับบทพิสูจน์ทางเศรษฐกิจที่รออยู่

ในงานแถลงผลงานครบรอบ 1 ปีของรัฐบาล
หากถามว่าในการแถลงผลงานด้านเศรษฐกิจ อะไรคือให้ไฮไลต์ที่สื่อสามารถชูประเด็น เป็นพาดหัวข่าว คงหนีไม่พ้นวาทะเด็ด “เสือแห่งเอเชีย”ของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”
สมคิดระบุว่าเขาเชื่อมั่นว่าประเทศไทย สามารถที่จะกลับมาผงาดทางเศรษฐกิจเป็นเสือแห่งเอเชียได้ หากการขับเคลื่อนนโยบายด้านต่างๆเดินหน้าเชิงรุกได้ตามแผน และเห็นผลในด้านต่างๆเป็นรูปธรรม รวมทั้งบอกด้วยว่าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้ จะทำงานให้เต็มที่ และทำให้ดีที่สุด อย่างซื่อสัตย์สุจริต เพื่อทำงานให้ได้ตามเป้าหมายและจะทำให้ไทยกลับมาผงาดเป็น “เสือแห่งเอเชีย”เหมือนที่เคยวาดหวังกันไว้
ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่งความหวังเรื่องการเป็นเสือแห่งเอเชีย เป็นนิกส์ของภูมิภาค เคยเป็นความหวังร่วมกันของคนไทยแทบทั้งประเทศ ถึงขนาดกระทรวงศึกษาธิการบรรจุไว้ในตำราเรียนให้ท่องจำว่า ไทยจะเป็น “เสือตัวที่ 5 แห่งเอเชีย” (Fifth Asian Tiger) ความฝันดังกล่าวเรืองรองในสมัย “พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน” เป็นนายกรัฐมนตรี” ภายหลังการประกาศนโยบาย“เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า” การเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว การลงทุนภายในประเทศและจากเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่หลั่งไหลเข้ามาในช่วงนั้น ทำให้หลายฝ่ายต่างมั่นใจว่าประเทศไทย จะเดินตามรอยประเทศในเอเชีย ที่สามารถยกระดับเศรษฐกิจจนเติบโต เป็นประเทศพัฒนาแล้วและได้รับการขนานนามเป็น 4 เสือแห่งเอเชีย (Four Asian Tigers) ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้และไต้หวัน
อย่างไรก็ตามเมื่อระยะเวลาล่วงเลยกว่า 3 ทศวรรษประวัติศาสตร์ได้บอกกับเราแล้วว่า นอกจากไทยจะไม่สามารถก้าวขึ้นไปเป็นเสือแห่งเอเชียได้สำเร็จ ปัญหาต่างๆที่รุมเร้าเกาะกินในเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม ประกอบกับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น การเมืองที่มีความขัดแย้งสูงและไม่มีเสถียรภาพ โครงสร้างการผลิตและโครงสร้างประชากรที่เริ่มมีปัญหา ทำให้ ที่ผ่านมาแทบไม่มีใครพูดถึงไทยในฐานะของ“เสือ” โดยเฉพาะในทางเศรษฐกิจอีกเลย อาจมองว่าเป็นเพราะเสือตัวนี้บาดเจ็บมามาก และไม่ง่ายนักที่จะกลับมาคำรามอีกครั้ง ขณะที่สิ่งที่เราถูกขนานนามกลับกลายเป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”รับตำแหน่งนี้มาแทนที่ฟิลิปปินส์อย่างไม่เต็มใจ
เส้นทางการเป็นเสือเศรษฐกิจดูเหมือนเป็นเส้นทางที่ยาวไกล และขึ้นอยู่กับปัจจัยจำนวนมาก ส่วนเรื่องที่รัฐบาลต้องโฟกัสก็คือการเตรียมพร้อมรับมือประเด็นเศรษฐกิจในปี2559 ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ความพร้อมก่อนจะเป็นเสือเศรษฐกิจ เช่น ตัวเลขการส่งออกจะสามารถพลิกกลับเป็นบวกได้หรือไม่ หลังจากที่ติดลบต่อเนื่องกันมากว่า 3 ปี รายได้ของเกษตรกรในปีนี้จะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะชาวนาและชาวสวนยางพาราที่ยังได้รับผลกระทบจากราคาพืชผลตกต่ำและภัยแล้ง โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เร่งรัดกันมาตลอดจะเริ่มปักหมุด ก่อสร้างจริงได้กี่โครงการ มาตรการส่งเสริมการลงทุนที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ จะจูงใจการลงทุนจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้มากแค่ไหน ที่สำคัญงานด้านเศรษฐกิจจะเดินหน้าอย่างราบรื่นได้อย่างไรท่ามกลางแรงกระเพื่อมทางการเมืองที่เกิดขึ้นเป็นระลอกๆ ล้วนเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเตรียมรับมือ
...แม้วาทะกรรม “เสือแห่งเอเชีย” จะเป็นเครื่องมือที่สร้างความหวังทางเศรษฐกิจในอนาคตได้ แต่ต้องไม่ลืมว่าเศรษฐกิจเป็นเรื่องของความจริงและความหวัง หากไม่สามารถหล่อเลี้ยงความหวังของคนให้ฝันถึงวันข้างหน้าที่ดีขึ้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายชนิดอาจจะชะงักงัน
ขณะเดียวกันการฉายภาพความหวังที่ดีงามเกินความเป็นจริง ก็อาจนำไปสู่ความเข้าใจที่บิดเบี้ยว จนมองความเป็นไปทางเศรษฐกิจดีเกินไป
งานบริหารเศรษฐกิจ จึงเป็นศาสตร์และศิลป์ของการถ่วงดุล ระหว่างความหวังและความจริง ให้ทั้งสองส่วนให้เดินไปด้วยกันและมีพลังต่อภาคเศรษฐกิจในภาพรวมมากที่สุด