อังคารแมงป่อง

อังคารแมงป่อง

“...ปัศวะชีโว นระโสโร อัมพุภุมโม กีฏะอสุรินโท...”

นี่คือมรดกทางปัญญาชิ้นสำคัญของโหราศาสตร์ไทย เป็นเคล็ดสำคัญในการทำนายเหตุการณ์อนาคต นิยมใช้ทั้งในดวงจร (Transit) และวิชา “กาลจักรลัคน์จร”

ดวงจรคืออะไร? ดวงจรคือเทคนิคการทำนายที่มีมาแต่โบราณและใช้กันทั่วโลก คอนเซปต์คือดาวที่โคจรปัจจุบันเมื่อกระทบ (หรือทำมุม) กับดาวเดิมและจุดสำคัญในพื้นดวงกำเนิด (Natal Chart) จะกระตุ้นให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้น

แต่กาลจักรลัคน์จรเป็นวิชาเฉพาะของโหราศาสตร์ไทย เป็นเทคนิคพิเศษในการทำนาย โดยกำหนดให้ลัคนา (กำเนิด) เคลื่อนที่ไปตามจักรราศีตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ แล้วทำนายเหตุการณ์ไปตามรูปดวงนั้นกาลจักรนี้มีคอนเซปต์เหมือนกับเทคนิค Profection ของโหราศาสตร์ยุโรปยุคเรอเนซองก์ ซึ่งมีรากเหง้าจากโหราศาสตร์กรีกในยุค Hellenistic อีกที ต่างกันแค่การวิเคราะห์ทำนาย

คำหน้าทั้ง 4 คือ ปัศวะ นระ อัมพุ กีฏะ หมายถึง 4 กลุ่มราศี ปัศวะคือกลุ่มราศีสัตว์บก ได้แก่ เมษ พฤษภ และสิงห์ นระคือกลุ่มราศีบุคคล ได้แก่ เมถุน กันย์ ตุลย์ ธนู และกุมภ์ อัมพุคือกลุ่มราศีสัตว์น้ำ ได้แก่ กรกฎ มังกร และมีน กีฏะคือราศีแมลง มีพิจิกเพียงราศีเดียว

คำหลัง 4 คำ คือ ชีโว โสโร ภุมโม อสุรินโท หมายถึงดวงดาว ชีโวคือพฤหัส โสโรคือเสาร์ ภุมโมคืออังคาร อสุรินโทคือราหู ดาวทั้ง 4 เป็นดาวฆาฏ หรือดาวที่ให้โทษเรื่องสุขภาพและอายุขัย แปลรวมความว่า ลัคนาราศีปัศวะมีพฤหัสเป็นดาวฆาฏ นระมีเสาร์เป็นดาวฆาฏ อัมพุมีอังคาร กีฏะมีราหู

เมื่อดาวฆาฏโคจรมาต้องลัคน์ในดวงจร หรือลัคน์จรไปร่วมราศีกับดาวฆาฏในกาลจักร์ เป็นช่วงเวลาที่ต้องระวังสุขภาพหรือเภทภัยอันตรายร้ายแรง นี่คือหลักเกณฑ์ที่โหรไทยนิยมใช้ทำนายกัน

แต่หลักนี้ก็มีข้อชวนสงสัย เช่น เสาร์เป็นดาวฆาฏของลัคน์ตุลย์ แต่เมื่อเสาร์ทับลัคน์ เสาร์เป็นอุจจ์ เข้มแข็งให้คุณ แล้วทำไมถึงว่าให้โทษหนัก? อังคารเป็นอุจจ์ในมังกร เมื่อทับลัคน์ ทำไมทายว่าให้โทษ? ราหูเป็นอุจจ์ในพิจิก แต่ทำไมให้โทษ? นี่อาจเป็นเหตุที่หลักนี้บางทีใช้ได้ผล บางทีใช้ไม่ได้ผล แต่ละคนต้องค้นหาเคล็ดลับเอาเอง

ใน 12 ราศี กีฏะราศีแตกต่างสุดเพราะมีเพียงหนึ่ง สัญลักษณ์ของพิจิกคือแมงป่องพิจิกคือภพที่ 8 ของโลก อันเป็นภพที่ลึกที่สุด นัยของมันสัมพันธ์กับสิ่งที่ปรัชญาอินเดียเรียกว่า โมกษะปรัชญาอินเดียถือว่า หน้าที่มนุษย์มี 4 ประการ คือ ธรรมะ อรรถะ กามะ โมกษะ

ธรรมะคือการศึกษาหาความรู้ อรรถะคือการทำงาน กามะคือการเสพสุขทางโลก และสุดท้ายคือโมกษะหรือการปล่อยวางสิ่งต่างๆ เพื่อความหลุดพ้น โหราศาสตร์อินเดียนำหน้าที่นี้มาเทียบกับราศีต่างๆ ตามธาตุ ไฟคือธรรมะ ดินคืออรรถะ ลมคือกามะ และน้ำคือโมกษะ

ราศีธาตุน้ำได้แก่ กรกฎ พิจิก และมีน โหราศาสตร์กำหนดให้พัฒนาการของมนุษย์ไล่เรียงไปตามลำดับจักรราศี จากเมษถึงมีน กรกฎราศีธาตุน้ำแรก หมายถึงการเสียสละตัวเองเพื่อครอบครัว ต่อมาคือพิจิก หมายถึงสละสังขารร่างกาย และท้ายสุดคือมีน สละกิเลสอุปาทานทั้งปวง

ภพที่ 8 จึงมีชื่อว่า มรณะ พิจิกคือราศีแห่งความตาย ความตายในที่นี้คือการปล่อยวางสังขารร่างกาย ไม่ไปยึดมั่นถือมั่น และพิจารณาให้เห็นถึงความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา สรุปแก่นแท้ของราศีพิจิกคือ ตายเพื่อเกิดใหม่ในทางปัญญา ซึ่งใกล้เคียงกับที่โหราศาสตร์สากลใช้คำว่า Transformation  และภพที่9 (ธนู) โหราศาสตร์ถือเป็นราศีแห่งปัญญาญาณอันยิ่งใหญ่

เป็นราศีที่ลึกที่สุด ชาวพิจิกมักคิดอ่านลึกซึ้ง แกรี่ คาสปารอฟ (Garry Kasparov) คือตัวอย่างที่ดีที่สุดเขาคือแชมป์โลกหมากรุก 15 สมัยและแชมป์โลกอายุน้อยที่สุด คาสปารอฟผู้นี้เองที่แข่งกับคอมพิวเตอร์ Deep Junior ที่คำนวณตาเดินได้ 3 ล้านครั้งต่อวินาที ผลคือชนะ 1 แพ้ 1 เสมอ 4

เพราะเกิดในราศีแห่งความตาย ชาวพิจิกจึงมักไม่กลัวตาย ตัวอย่างที่ดีที่สุดคือเอนโซ่ เฟอร์รารี (Enzo Ferrari) เด็กน้อยยากจนที่กลายเป็นนักแข่งรถ ผู้จัดการทีมแข่งรถ และเจ้าของบริษัทผลิตซุปเปอร์คาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ตัวอย่างสุดท้ายคือบรู๊ซ ลี (Bruce Lee) เขาไม่ใช่แค่ดาราที่ประสบความสำเร็จ แต่เป็นผู้วางรากฐานกังฟูจีนให้เติบโตในอเมริกา บรู๊ซ ลี คือลูกศิษย์ของ ยิปมัน ปรมาจารย์มวยหย่งชุน เขาคือชาวพิจิกที่ฝึกกังฟูเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของร่างกายตัวเองเพื่อแสวงหาปัญญาญาณนั่นเอง

ในทางโหราศาสตร์ ทุกราศีมีดาวครองอยู่ ภาษาโหรเรียก เกษตร์ หรือดาวเจ้าราศี ดาวเกษตร์ของราศีพิจิกคืออังคาร เมื่ออังคารอยู่ราศีตัวเอง ย่อมเข้มแข็งให้คุณ อังคารยังเป็นดาวเกษตร์ราศีเมษอีกด้วย อังคารคือความกล้า แต่ความกล้าของทั้งคู่ต่างกัน เมษกล้าหาญ แต่พิจิกกล้าตาย อังคารเดิมในดวงบิ๊กตู่อยู่พิจิก ดุไหมล่ะ?

พิจิกคือภพมรณะของโลก จึงเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติทั้งหลาย โดยเฉพาะภัยธรรมชาติในบทความ “โจโฉแตกทัพเรือ” กล่าวถึงสุริยคราสผสม 27 ตุลาคม ค.ศ. 208 ที่ผ่านตอนใต้ของประเทศจีนพอดี คราสนี้เกิดก่อนศึกผาแดงไม่นาน ตำแหน่งของมันคือ 4:49 องศาในพิจิก โดยมีอังคาร (เกษตร์) ดับร่วมคราสผลคือลมพายุตะวันออกเฉียงใต้ที่เผาทัพเรือโจโฉแตกพ่ายย่อยยับ (www.bangkokbiznews.com/blog/detail/634577)

ปี 2016 อังคารจรเข้าพิจิกอีกครั้ง ครั้งนี้นานถึง 7 เดือน อังคารยก 20 กุมภาพันธ์ เวลา 18:12 น.เดินหน้าถึง 14:49 องศา จึงหยุดนิ่งเพื่อถอยหลัง แล้วถอยหลังเรื่อยไปจนหยุดนิ่งที่ 28:58 องศาในตุลย์ จากนั้นเดินหน้าปกติไปจนสุดราศีวันที่ 18 กันยายน

ช่วงเวลาสำคัญคือ 17 เมษายน-18 มิถุนายน ที่อังคารเสาร์ถอยหลังพร้อมกันในพิจิก ต่างก็เป็นบาปเคราะห์ที่โคจรวิปริต มีโอกาสสูงที่เกิดเภทภัยธรรมชาติร้ายแรง ภัยแล้งจะยิ่งรุนแรงขึ้น อังคารคือภาคอุตสาหกรรม เสาร์คือภาคเกษตร ระวังสงครามแย่งน้ำ รวมถึงม๊อบเกษตรกรที่อาจลุกฮือขึ้นช่วงนี้

อังคารคือดาวแห่งพละกำลัง เสาร์คือดาวแห่งการจำกัดควบคุม พลังทั้งคู่ไม่สมดุลกลมกลืน พึงระวังอุบัติเหตุเภทภัย อังคารเป็นดาวเจ้าเรือนลัคนาดวงเมือง หมายถึงสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน เสาร์เป็นดาวเจ้าเรือนภพ 10 หรือภาคการเมือง การเมืองจะร้อนแรงขึ้นและกระทบต่อภาคประชาชน ช่วงที่ถอยหลังพร้อมกันอันตรายมาก ระวังการใช้พลังอำนาจเกินกว่าเหตุ เรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม้ขีดก้านเดียวเผาป่าได้ทั้งป่า

ไม่เพียงอังคารเสาร์จรร่วมราศี แต่ทั้งคู่ยังเล็งอังคารเดิมอีกด้วย โดยเฉพาะเสาร์ที่ถอยหลังนั้นเล็งสนิทองศาพอดี อังคารเป็นดาวเจ้าเรือนภพ 8(มรณะ-การสูญเสีย) อีกด้วย มุมท้าทายจากบาปเคราะห์ที่โคจรวิปริตเช่นนี้ ชี้ถึงช่วงเวลาสำคัญมากที่ต้องบริหารจัดการอย่างรอบคอบรัดกุมที่สุด

อย่าประมาทพิษแมงป่องเด็ดขาด!