จากลูกถึงภรรยา... ภารกิจกองทัพกับความไว้วางใจ

แม้วันนี้กระแสวิจารณ์ เรื่องการบรรจุลูกชาย
ของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานแท้ๆ ของท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าเป็นนายทหารยศร้อยตรีจะเริ่มซาลงแล้ว แต่หลายคนก็ยังข้องใจเกี่ยวกับวิธีการบรรจุกำลังพลแบบพิเศษของกองทัพ
ท่านนายกฯอธิบายว่าสาเหตุ ที่ต้องบรรจุลูกหลานของทหาร โดยไม่ต้องสอบแข่งขัน เพราะให้น้ำหนักในเรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจ เนื่องจากเป็นงานด้านความมั่นคง หากรับจากพลเรือนแท้ๆ ที่ไม่ได้มีพ่อแม่เป็นทหาร จึงจะต้องสอบแข่งขัน คัดกรองกัน (สัมภาษณ์วันที่ 19 เม.ย.)
เมื่อตรวจสอบย้อนหลังดูก็เป็นจริงตามที่ท่านนายกฯว่า เพราะลูกหลานนายทหารระดับสูง ที่ไม่ได้จบจากโรงเรียนทหาร มีจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาเป็นทหาร เป็นนายร้อยสอยดาว
อย่างเช่น ลูกสาวของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม คือ ร.ต.หญิง จุฑาภัค สีตบุตร ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนภาษาจีนที่กรมยุทธศึกษาทหารบก ได้รับการบรรจุในช่วงที่ พล.อ.อุดมเดช เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในกองทัพ
เรือโทหญิง นันทณัทธ์ จันทร์สุวานิชย์ ลูกสาวของ พล.ร.อ.ไกรสรณ์ จันทร์สุวานิชย์ อดีต ผบ.ทร. ปัจจุบันทำงานอยู่ที่กรมข่าวทหารเรือ เคยเป็นนายทหารติดตามของ พล.ร.อ.ไกรสรณ์ ช่วงที่ยังอยู่ในราชการ
อีกคนคือ ร.ท.หญิง ฐานิสรา ปฏิมาประกร ลูกสาวของ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ปัจจุบันเป็นนายทหารล่าม กรมการข่าวทหาร ได้บรรจุเข้ารับราชการในช่วงปีสุดท้ายก่อนที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ จะเกษียณอายุราชการ
จะเห็นได้ว่าเทรนด์ในระยะหลังๆ ของผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพ มักให้บุตรสาวเข้ารับราชการทหาร จากที่เมื่อก่อนเน้นไปที่ลูกชาย ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะนายทหารที่กำลังมีอำนาจอยู่ในยุคนี้ แต่ยุคก่อนหน้านี้ก็มีไม่ต่างกัน คงจะด้วยเหตุผลของความไว้เนื้อเชื่อใจดังที่ท่านนายกฯอธิบาย
แหล่งข่าวในกองทัพบอกว่า การบรรจุ “ลูกนาย” เข้าเป็นทหาร กระทำกันเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะช่วงปีสุดท้ายก่อนที่ “นาย” จะเกษียณ เรียกว่าเป็นช่วง “เท”
และอาจจะด้วยเหตุผลเดียวกันเรื่องความไว้วางใจนี้เอง ที่ทำให้ “ภริยาของนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน” ก็เป็นทหาร และยังประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็น “พลตรี-พลโทหญิง” กันถ้วนหน้า
ตัวอย่างเช่น พล.ต.หญิง บุญรักษา นาควานิช ภริยาของ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน ขยับตำแหน่งจากผู้ชำนาญการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ชำนาญการกองทัพบก ในการปรับย้ายนายทหารวาระกลางปี เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมานี้เอง
พล.ต.หญิง สุชาดา เกิดผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ภริยาของ พล.อ.อักษรา เกิดผล อดีตเสนาธิการทหารบก ปัจจุบันเป็นหัวหน้าคณะพูดคุยดับไฟใต้ ติดยศพลตรี เมื่อวันที่ 1 เม.ย.57
พล.อ.ต.หญิง อุดมลักษณ์ สนแจ้ง ภริยาของ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ.คนปัจจุบัน ติดยศพลอากาศตรีหญิง เมื่อปี 58
หรืออย่างภริยาของ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อนสนิทของนายกรัฐมนตรี ก็เป็นนายพลหญิงเช่นกัน คือ พล.ท.หญิง สุพัตรา รัตนสุวรรณ
นอกจากนั้นยังมีน้องสาวของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ที่เป็นนายพลหญิงอีกหลายคน อาทิ พล.อ.ต.หญิง ประกายเพชร จันทร์โอชา น้องสาวของท่านนายกฯประยุทธ์ ที่ไม่ค่อยตกเป็นข่าวเหมือนน้องชาย ขึ้นเป็นพลตรีหญิงของกองทัพอากาศเมื่อปี 56
รวมถึง พล.ท.หญิง อรุณวรรณ เผ่าจินดา น้องสาวของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีต ผบ.ทบ.ด้วย
ใครว่าคนในกองทัพมีแนวคิดล้าหลัง ต้องบอกว่าผิดถนัด เพราะมีการผลักดันให้สุภาพสตรีได้มีบทบาทรับผิดชอบงานสำคัญ ติดยศนายพลกันหลายคน ซึ่งที่ยกมานี้เป็นเพียงตัวอย่าง จริงๆ ยังมีอีกเยอะ ผิดกับตำรวจที่จะขึ้นเป็นผู้กำกับหญิงยังโดนค้าน
ถือเป็นกองทัพที่สนับสนุนสิทธิสตรีอย่างแท้จริง!
และอาจจะด้วยเหตุผลของความไว้เนื้อเชื่อใจ จากคนใกล้ชิดในครอบครัวที่เป็นทหารด้วยกันนี่เอง ที่ทำให้กองทัพไทยมีเอกภาพ รักใคร่กลมเกลียว ไม่ขัดแย้งแตกแยกกันเหมือนองค์กรอื่นๆ ในบ้านเมือง จึงมีโอกาสเข้ามาคุมอำนาจบริหารประเทศเป็นระยะ (ทั้งที่รับเชิญและไม่ได้รับเชิญ)
ฉะนั้นพวกหวังดีประสงค์ร้าย ที่ชอบปล่อยข่าวว่าทหารเขาจะทำปฏิวัติซ้อน ขอบอกว่า...ฝันไปเหอะ!