ปลาจ๋า อย่าหยุดร้องเพลงที่กว๊านพะเยา

ปลาจ๋า อย่าหยุดร้องเพลงที่กว๊านพะเยา

“ปลามีอารมณ์รักอารมณ์เสน่หาเหมือนสัตว์ทุกชนิด ..” หัวหน้าประมงจังหวัดพะเยา สุภาพันธ์ บุญเจริญ

เล่าถึงพฤติกรรมสัตว์น้ำ ".. ถึงฤดูกาลผสมพันธุ์จะมองหารังรักสภาพแวดล้อมที่เหมาะ ส่งเสียงร้องเพลงเพรียกหากัน แสดงออกด้วยกิริยาอาการว่ายน้ำการเคลื่อนไหวการรัดตัวที่ปลาด้วยกันจะรู้.. ปลาแต่ละชนิด เช่น ปลานิล ปลาตะเพียน ปลาหมอ เสียงร้องไม่เหมือนกัน

หัวหน้าประมงฯผู้เพิ่งย้ายมาประจำสถานีประมงพะเยาเมื่อปีที่ผ่านมา กล่าวว่า แล้งนี้ที่น้ำกว๊านแห้งขอด ความหลากหลายทางชีวภาพถดถอยแน่นอน แม้ฝนนี้จะลงเต็มที่ ก็อีกหลายปีกว่าน้ำกว๊านจะเหมือนเดิมเพราะความชุ่มชื้นในดินจะต้องสมบูรณ์ก่อน ซึ่งหากระบบนิเวศของน้ำไม่สมบูรณ์ สัตว์น้ำจะเปลี่ยนพฤติกรรมผสมพันธุ์ “..อย่างเช่น ปลาจะไม่ร้องเพลง การผสมพันธุ์ตามฤดูกาลจะลดน้อยลง..โครงการปลาร้องเพลงจะเป็นโครงการหนึ่งที่สำคัญในการฟื้นฟูการประมง

ในกว๊านพะเยา เคยพบพันธุ์ปลา มากถึง 17 วงศ์ 45 ชนิด ซึ่งก็มีแต่จะลดลงเรื่อยๆ แม้แล้งครั้งนี้อาจไม่กระทบการบริโภคปลาและการผลิตปลาส้มของฝากที่ขึ้นชื่อของพะเยา เพราะการเลี้ยงปลาในบ่อยังทำอยู่ การทำปลาส้มก็นำปลาจากจังหวัดอื่นๆ สุโขทัย อุทัยธานี มาทำอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไร ต้องฟื้นฟูการประมงแน่นอน คู่ขนานไปกับงานที่ใหญ่กว่า คืองานฟื้นฟูแหล่งน้ำอันเป็นงานของชลประทานซึ่งเป็นแผนระดับประเทศ

ที่คนพะเยาดูจะอุ่นใจว่า มีน้ำใช้แน่นอนจนสิ้นเมษา-พฤษภา ไม่วิกฤติขาดน้ำจนถึงขั้นประกาศภัยพิบัติอย่างเช่นในบางจังหวัด ไม่มีการตื่นตระหนกเก็บสะสมน้ำจนอาจทำให้เกิดวิกฤติขาดน้ำได้ก่อนกาลนั้นหรือ ก็เพราะจังหวัดได้จัดให้มีการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำแม่ต๋ำมาเตรียมไว้ในกว๊านตั้งแต่เดือนมีนาแล้วหนึ่งระลอก ตามมาด้วยระลอกสองเดือนพฤษภา

ทว่าในปีต่อๆ ไป อ่างเก็บน้ำแม่ต๋ำจะเป็นที่พึ่งได้อีกหรือไม่ กว๊านเป็นแหล่งชีวิต ให้น้ำกินน้ำใช้ เป็นแหล่งเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่และวัฒนธรรมสำหรับคนพะเยา เป็นที่ชุ่มน้ำมีความสำคัญระดับนานาชาติควรจะต้องมีน้ำเพียงพอและยั่งยืน พึ่งตัวเองได้

ที่ผ่านมา มีรายงานวิจัยเกี่ยวกับน้ำกว๊าน 200 กว่ารายการ มีนักวิจัยนักวิชาการรวมๆ ไม่น้อยกว่า 120 คน ล้วนยืนยันสภาพเสื่อมโทรมของกว๊านที่ทุกคนเห็นกับตารู้อยู่แก่ใจ นั่นคือ สภาพกว๊านที่ตื้นเขิน เก็บกักน้ำได้น้อย โดยเฉพาะภัยแล้งครั้งนี้น้ำลดเห็นสภาพตื้นเขินชัดเจนเสียจนน่ากลัว เพราะสามารถลงเดินบนดินที่แต่ก่อนเป็นท้องน้ำกว๊านได้เกือบห้าสิบเมตรจากชายกว๊าน ถึงขนาดว่าเดินเก็บหอยลายน้ำจืดในดินโคลนที่เคยอยู่ใต้น้ำขึ้นมาขายได้กิโลกรัมละ 20-40 บาท มีวัชพืชกระจายทั่วไป คุณภาพน้ำโดยรวมต่ำ ทรัพยากรประมงลดลง มีปัญหาขอบเขตพื้นที่และการใช้ประโยชน์ที่ดินโดยรอบเพราะกลุ่มคนหลากหลาย โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวที่ในระยะหลังๆ เป็นเหตุที่มีแต่จะขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าความพอดีจะอยู่ตรงไหน

อย่างเช่นในขณะนี้ สิ่งก่อสร้างที่เรียกว่า ขัวบุญในกว๊านพะเยาสำหรับเทศกาลเวียนเทียนวิสาขบูชา 20 พฤษภาคมที่จะถึง เป็นบททดสอบ จำลองความยุ่งยากและกลุ่มคนหลากหลายในการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำกว๊านได้ดียิ่ง เป็นอีกหนึ่งวิกฤติที่ท้าทายการบริหารจัดการใดๆ ที่จะนำไปสู่การฟื้นฟูแหล่งน้ำกว๊านอย่างยั่งยืน

“ขัวบุญ” นี้หรือคือ สะพานทางเดินไม้ไผ่สร้างวางบนเลน ที่เรียกว่าแพลูกบวบ สามารถยุบตัวเผยอขึ้นลงตามระดับน้ำ สร้างจากฝั่งชายกว๊านออกไปในกว๊าน เพื่อให้คนใช้เดินไปทำบุญเวียนเทียนได้อย่างเคยในในช่วงสิบกว่าปีมานี้ที่ใช้เรือพายนั่งไปทำบุญเวียนเทียนกลางน้ำ ณ บริเวณเคยเป็นที่ตั้งของวัดติโลกอาราม หนึ่งในวัดและหมู่บ้านที่เคยจมน้ำอยู่ตั้งแต่สมัยสร้างประตูน้ำ พ.ศ. 2483-2484 จนทำให้เกิดมีน้ำขังเป็นน้ำกว๊านมาจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง

การจัดให้ผู้คนได้หลั่งไหลมาเวียนเทียนที่กลางน้ำที่กว๊าน ทั้งด้วยเรือพายและ “ขัวบุญ” เป็นการบริหารจัดการให้คนได้ทำบุญเวียนเทียน ในขณะเดียวกันก็เป็นกิจกรรมเศรษฐกิจเชิงท่องเที่ยว นับว่าเป็นกิจกรรมสังคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กัน ซึ่งหลายฝ่ายวิตกว่าเป็นการทำลายระบบนิเวศหรือไม่ โดยเฉพาะในทางกฎหมาย การสร้าง “ขัว” หรือสะพานบนเลนทำได้หรือไม่ จึงได้เรียกร้องให้อย่างน้อย ”ขัว” หรือสะพานไม้ไผ่นี้ต้องสร้างเว้นให้ปลาลอดไปได้ เป็นต้น ที่คาใจของคนไม่น้อย ก็คือรอดูอยู่ว่า ขัวบุญนี้จะชั่วคราวหรือจะ ‘ถาวร’ ไปอีกหลายเดือนกว่าดินท้องน้ำที่ตื้นเขินจะชุ่มจนเก็บน้ำได้

ถึงเวลาแล้วจริงๆ ก่อนที่จะยากและสายไปกว่านี้ รายงานวิจัย 200 กว่ารายการประกอบรวมกับ ธรรมนูญกว๊านพะเยาอันเป็นความพยายามมานานพอควรของภาคประชาชนที่จะฟื้นฟูรักษากว๊าน ควรจะได้มีการนำมาสกัดแปรผลเป็นโครงงานฟื้นฟูแหล่งน้ำกว๊านอย่างสมบูรณ์

นอกจากนั้น ควรจัดเวทีกลางที่โปร่งใสอย่างสม่ำเสมอระหว่างภาคราชการและภาคประชาชน มีการกระตุ้นและเปิดโอกาสให้ประชาชนคนพะเยาและสื่อมวลชน ได้เข้าถึงข้อมูลของทางการ ทั้งในระดับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และในระดับประเทศอย่างกว้างขวาง เช่น มีเว็บไซต์ มีการแถลงข่าววาระสำคัญ ทั้งในเรื่อง ขัวบุญและอื่นๆ