ปูตินเตือนภัย ‘สงครามนิวเคลียร์’
มิถุนายนที่ผ่านมา รัสเซียเป็นเจ้าภาพจัดสัมนาเศรษฐกิจระดับนานาชาติที่เมือง St Petersburg ประธานาธิบดี
วลาดิเมียร์ ปูติน ถือโอกาสพูดคุยกับนักข่าวอาวุโสของสำนักต่างๆ อย่างไม่อ้อมค้อมว่า โลกกำลังเผชิญกับภัยของสงครามนิวเคลียร์อย่างไร และใครเป็นต้นเหตุ โดยเริ่มต้นด้วยการอธิบายว่า ความขัดแย้งของมหาอำนาจในโลกในระยะหลายสิบปีที่เลี่ยงไม่ให้เกิดสงครามได้ เนื่องจากมีความสมดุลในด้านภูมิยุทธศาสตร์ที่ดำรงอยู่ โดยที่ทั้ง2มหาอำนาจ คือสหรัฐและรัสเซียตกลงที่จะหยุดแข่งขันการสร้างอาวุธมหาประลัย ทั้งอาวุธที่ใช้สำหรับการโจมตี และอาวุธที่ใช้ในการป้องกันตัวเอง มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ถ้าฝ่ายใดมีอาวุธหรืออำนาจที่เหนือกว่า ฝ่ายนั้นก็อยากจะใช้อาวุธหรืออำนาจอันนั้นกับฝ่ายตรงกันข้าม
หัวใจของความสมดุลของภูมิยุทธศาสตร์ของโลกในยุคสงครามเย็น คือสนธิสัญญาจรวดต่อต้านขีปนาวุธ (Anti-Ballistic Missile Treaty) ที่สหรัฐและรัสเซียลงนามร่วมกันในปี 1972 สนธิสัญญานี้จำกัดการสร้างจรวดต่อต้านขีปนาวุธที่ใช้ในการปกป้องการโจมตีทางอาวุธนิวเคลียร์จากฝ่ายตรงกันข้าม โดยที่แต่ละฝ่ายสามารถสร้างระบบต่อต้านขีปนาวุธได้เพียง 2 แห่งเท่านั้น และในแต่ละระบบสามารถมีจรวดต่อต้านขีปนาวุธนิวเคลียร์ไม่เกิน 100 ลูก
สนธิสัญญานี้ช่วยลดกันแข่งขันการสร้างอาวุธมหาประชัยของมหาอำนาจทั้งสอง และดำรงอยู่เป็นเวลา 30 ปีทำให้โลกปลอดภัยจากสงครามนิวเคลียร์ เพราะว่าเกิดความสมดุลขึ้นในทางภูมิยุทธศาสตร์ระหว่างมหาอำนาจ แต่ในปี 2002 สหรัฐฉีกสนธิสัญญานี้ทิ้งในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้ลูก หลังเริ่มต้นศตวรรษที่ 21 ได้เพียง 1 ปี
บุชยกเลิกสนธิสัญญา ABM Treaty เพราะเชื่อมั่นว่าอย่างไรเสีย รัสเซียที่ล่มสลายในปี 1991 จะไม่มีกำลังเงิน หรือกำลังสมองที่จะไล่ตามอีแร้งทันในการสร้างอาวุธมหาประลัย สหรัฐมั่นใจในศักยภาพการโจมตีก่อน หรือเชื่อว่าตัวเองจะได้ชัยชนะเหนือรัสเซียในสงครามนิวเคลียร์ โดยที่ใครโจมตีก่อนจะได้เปรียบ หรือจะได้ชัยชนะ
ปูตินบอกนักข่าวอาวุโสว่า การฉีกสนธิสัญญา ABM Treaty ของสหรัฐเป็นการทำลายระบบความมั่นคงโดยสิ้นเชิง การถ่วงดุลของอาวุธนิวเคลียร์ของทั้ง 2 ฝ่ายถูกยกเลิกไป ในปี 2002 ปูตินคิดว่า รัสเซียไม่ควรที่จะแข่งขันสร้างขีปนาวุธป้องกันตัวเอง เพราะว่ามันต้องใช้เงินจำนวนมาก และไม่มีใครแน่ใจว่าสร้างขึ้นมาแล้วจะใช้งานได้จริงๆในกรณีที่ต้องทำสงครามกับสหรัฐ รัสเซียไม่ต้องการเอาเงินไปเผาเล่น แทนที่จะสร้างระบบขีปนาวุธป้องกันตัวเอง รัสเซียเลือกที่จะลงทุนพัฒนาขีปนาวุธที่ใช้ในการโจมตี เพื่อที่จะรักษาดุลของภูมิยุทธศาสตร์กับสหรัฐที่กลับมาพัฒนาขีปนาวุธป้องกันตัวเอง
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นาโต้นำโดยสหรัฐได้เอาขีปนาวุธป้องกันตัวเองมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์มาติดตั้งที่โรมาเนีย โดยอ้างว่าต้องการปกป้องโรมาเนียจากขีปนาวุธของอิหร่าน เรื่องนี้ทำให้รัสเซียเป็นกังวลใจมาก เพราะว่าระบบขีปนาวุธป้องกันตัวเองที่ติดตั้งที่โรมาเนียนี้เอาไว้ใช้ยันรัสเซียอย่างแน่นอน
ปูตินอธิบายต่อไปว่า ระบบขีปนาวุธที่ติดตั้งในโรมาเนียเป็นจรวดที่ต้องใส่เข้าไปในแค็ปซูลก่อน โดยมีแท่นยิงแบบโทมาฮ็อคพิสัยกลางที่ยิงจากทะเล แคปซูลเหล่านี้มีขีปนาวุธที่สามารถยิงได้ไกลระยะ 500 กิโลเมตร แต่รัสเซียรู้ว่าพัฒนาการของเทคโนโลยี่ของอีแร้งไปได้ไกลเพียงใดในปีหนึ่งๆ ต่อไปขีปนาวุธจะสามารถยิงระยะไกลกว่า 1,000 กิโลเมตร หรือไกลกว่านั้นก็ได้ ด้วยเหตุนี้ศักยภาพของระบบขีปนาวุธนี้จึงเป็นภัยโดยตรงต่อความมั่นคงของอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย
ปูตินบอกว่า เขาต้องการให้ผู้สื่อข่าวอาวุโสรายงานเรื่องนี้ให้ประชาชนในประเทศตัวเองให้รับทราบความจริง การที่ประชาชนในประเทศต่างๆ ไม่รู้เรื่องของภัยของสงครามนิวเคลียร์นี้ ทำให้เขามีความกังวลใจ ทำไมนะที่พวกคุณไม่รู้ว่าโลกถูกกระชากไปในทิศทางที่ไม่สามารถหวลกลับคืนมาได้ นี้คือปัญหาใหญ่ ในขณะเดียวกันสหรัฐทำเสแสร้งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปูตินบอกว่า ผมไม่รู้ว่าจะบอกพวกคุณอย่างไรอีกแล้วนะ พวกเขาบอกว่าระบบขีปนาวุธเอาไว้ป้องกันการรุกราน แต่เอาเข้าจริงระบบนี้สามารถปรับเปลี่ยนเป็นระบบขีปนาวุธที่ใช้ในการโจมตีได้
ปูตินกล่าวอีกว่า ขีปนาวุธป้องกันตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของศักยภาพของระบบขีปนาวุธโจมตีที่มีความสลับซับซ้อนทั้งหมด ระบบหนึ่งเอาไว้บล๊อคขีปนาวุธของฝ่ายตรงข้าม ระบบสองเอาไว้ยิงอาวุธที่มีความแม่นยำสูง ระบบสามเอาไว้ป้องกันขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่ยิงเข้ามา และระบบสุดท้ายเอาไว้ยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ใส่ฝ่ายตรงกันข้าม ทั้งหมดถูกออกแบบให้อยู่ในระบบเดียวกัน
“ใครจะไปรู้ได้ว่าระบบป้องกันแท้ที่จริงแล้วสามารถปรับเปลี่ยนเป็นระบบโจมตีได้ เพียงแค่เปลี่ยนโปรแกรมเท่านั้น สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วจนกระทั่งรัฐบาลโรมาเนียไม่รู้เรื่องว่าพวกเขากำลังทำอะไรกับระบบที่ติดตั้งในประเทศตัวเอง คุณคิดว่าพวกเขาจะให้รัฐบาลโรมาเนียมีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบขีปนาวุธนี้หรือ ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น แม้แต่พวกโรมาเนียน หรือพวกโปลก็ไม่น่าจะรู้เรื่องอะไร แต่คุณคิดว่าผมไม่คุ้นกับระบบพวกนี้หรืออย่างไร” ปูตินกล่าว
ปูตินทิ้งท้ายด้วยการบอกว่า จากเท่าที่เขาเห็น พวกเราทุกคนตกอยู่ภายใต้อันตรายอันใหญ่หลวง!!