ข้าราชการปกครอง (ยุค 2016) ก้าวหน้าหรือถอยหลัง

สำนักงาน ก.พ.ได้มีมติอนุมัติในหลักการกรณีการปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ของที่ทำการปกครองอำเภอ
จากเจ้าพนักงานปกครอง ระดับชำนาญการ เป็นตำแหน่งเจ้าพนักงานปกครอง ระดับชำนาญการพิเศษ 989 ตำแหน่งตามที่กรมการปกครองร้องขอ
แต่แทนที่กรมการปกครองจะปรับปรุงตำแหน่งให้กับข้าราชการประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการและเคยอยู่ระดับ 7 ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 ซึ่งเป็นผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่าย (ระดับ 7 เดิม) ที่ขอปรับปรุงทั่วประเทศ 600 คน (จากจำนวนอนุมัติ 989 ตำแหน่ง) และเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบทั้งมีอาวุโสและความเหมาะสม ที่จะได้รับการเข้าสู่ตำแหน่งชำนาญการพิเศษ โดยกองการเจ้าหน้าที่ได้ประชาสัมพันธ์ใน LINE เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา จะนำตำแหน่งที่ ก.พ.อนุมัติ มาให้ข้าราชการตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย (ระดับ 7 เดิม) ทั้งประเทศสอบแข่งขัน กับข้าราชการตำแหน่งวิชาการชำนาญการมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหัวหน้าฝ่าย (ระดับ 7 เดิม) เพื่อเข้าสู่ตำแหน่งระดับชำนาญการพิเศษ
จึงเท่ากับว่าหัวหน้าระดับหัวหน้าฝ่าย (ระดับ 7 เดิม) ต้องสอบแข่งกับลูกน้องตัวเอง ซึ่งหากลูกน้องสอบได้และหัวหน้าสอบไม่ได้ ลูกน้องก็จะกลับกลายเป็นหัวหน้าทันที ซึ่งเป็นการข้ามรุ่นข้ามระดับ (ข้ามหัว) นำมาซึ่งความขมขื่น และเสียขวัญกำลังใจ โดยเฉพาะปลัดอำเภอที่ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่าย (ระดับ 7 เดิม) ทั้งประเทศ และยังเป็นการทำลายระบบคุณธรรมของการบริหารงานบุคคล โดยเป็นการไม่รักษามาตรฐานในการเสริมสร้างแรงจูงใจ ขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการในการปฏิบัติงาน ทำลายระบบรุ่นพี่ รุ่นน้อง และหลักอาวุโสสิ้นเชิง อาจนำมาซึ่งความแตกแยกในองค์กร และกระทบถึงประชาชน
หากเปรียบเทียบกับข้าราชการทหาร เสมือนให้ทหารยศพันโท มาสอบแข่งกับยศพันตรี ซึ่งเป็นลูกน้องตัวเอง เพื่อแต่งตั้งเป็นยศพันเอก หากยศพันตรี สอบได้ ก็จะมาเป็นหัวหน้ายศพันโททันที ซึ่งเมื่อลูกน้องกลับกลายมาเป็นหัวหน้าของตนเองเพียงชั่วข้ามคืน พันโทซึ่งเป็นหัวหน้าเดิมจะอยู่อย่างไรในการตอบกับเพื่อนร่วมงาน และการบังคับบัญชาจะเป็นอย่างไร
หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว 14 ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2558 อนุมัติให้ส่วนราชการ/หน่วยงานต่างๆ สามารถให้ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการ และเคยดำรงตำแหน่งในระดับ 7 ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 (ระดับ 7 เดิม) ซึ่งเป็นผู้มีคุณสมบัติต่างไปจากคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งประเภทอำนวยการต้นระดับต้น มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือกและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยการต้น ระดับต้น ได้เช่นเดียวกันกับข้าราชการพลเรือนระดับชำนาญการพิเศษ และเคยดำรงตำแหน่งในระดับ 7 พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ
พลเรือน พ.ศ.2535ในลักษณะเป็นการเยียวยา ให้ข้าราชการ (ระดับ 7 เดิม) ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนจากปี 2535 มาเป็นปี 2551 ที่ได้ยุบรวมข้าราชการในระดับ 6 และระดับ 7 ไว้ในตำแหน่งวิชาการระดับชำนาญการ
ตัวอย่างเช่นกรมที่ดินได้กำหนดคุณสมบัติให้ข้าราชการผู้ที่ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการและเคยดำรงตำแหน่งในระดับ 7 ตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 เป็นผู้มีคุณสมบัติที่มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือก เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับต้นได้เช่นเดียวกันกับข้าราชการ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งวิชาการระดับชำนาญการพิเศษไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือประเภทวิชาการระดับชำนาญการพิเศษและเคยดำรงตำแหน่งในระดับ 7 โดยข้าราชการ (ระดับ 7 เดิม) ของกรมที่ดินดังกล่าว ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกฯ ได้รับการบรรจุเป็นระดับอำนวยการระดับต้นไปแล้ว เมื่อเดือนพฤษภาคม 2559
หากพิจารณามาตรฐานกำหนดตำแหน่งประเภทบริหารระดับต้น (รองผู้ว่าราชการจังหวัด) ที่กำหนดคุณสมบัติให้ผู้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยการ ไม่น้อยกว่า 2 ปี และผ่านอบรมหลักสูตรนักปกครองระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย (นปส) เข้าสู่ตำแหน่งได้ จะเห็นได้ว่า ในส่วนภูมิภาคการเข้าสู่ตำแหน่งบริหารระดับต้น (รองผู้ว่าราชการจังหวัด) จะไม่มีนายอำเภอ (อำนวยการสูง) คนใดได้รับสิทธิการพิจารณาเข้าสู่ตำแหน่งบริหารระดับต้น (รองผู้ว่าราชการจังหวัด)เลยแม้แต่คนเดียว ทั้งๆ ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ตามมาตรฐานการกำหนดตำแหน่งคงมีแต่เพียงตำแหน่งปลัดจังหวัด (อำนวยการสูง) เท่านั้นที่มีสิทธิ ในตำแหน่งระดับสูง ยังพิจารณาความอาวุโสคือให้ปลัดจังหวัด ซึ่งอยู่ในตำแหน่งระดับอำนวยการสูง เท่ากับนายอำเภอเข้าสู่ดำรงตำแหน่งบริหารระดับต้น (รองผู้ว่าราชการจังหวัด) ได้ โดยไม่ให้สิทธินายอำเภอ
ข้าราชการกรมการปกครอง ได้ชื่อว่าทำงานในหน้าที่ของกรมการปกครอง+19 กระทรวง แทนที่จะเจริญก้าวหน้า เหมือนข้าราชการกรมที่ดินหรือกรมอื่นยิ่งทำงานไปนานๆ ยิ่งนับวันยิ่งเจริญลงเหมือนเดินถอยหลัง