'จรป.' มาแรงแซง 'จปร.'

เมื่อก่อนเป็นที่รู้กันว่าถ้าใครจบ จปร.จะได้เป็นเจ้าคนนายคน
มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิตราชการ หากบุญพาวาสนาส่งก็อาจพุ่งทะลุถึงขั้นเป็นนายกรัฐมนตรี หรือระดับผู้นำบริหารประเทศกันเลยทีเดียว
ไล่เรียงดูอดีตนายกฯ ของไทยก็จบโรงเรียนนี้มากที่สุด จนมีบางคนแซวว่าเป็นโรงเรียนผลิตนายกฯ ทั้งๆ ที่ไม่ต้องเรียนจบรัฐศาสตร์หรือสาขาบริหารแต่อย่างใด
ใครมีลูกมีหลานก็วาดหวังอยากให้เรียน จปร.
แต่ตอนนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยน “จรป.” มาแรงกว่า “จปร.” เสียแล้ว
จรป. ก็คือ “จบโรงเรียนป้อม” โรงเรียนนี้ผมจำชื่อจริงไม่ได้ รู้แต่ว่าในโรงเรียนมีมะขามป้อมต้นใหญ่ แผ่บารมี เอ๊ย...แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาแก่ผู้คนมากมาย จนกลายเป็นสัญลักษณ์ และกลายเป็นที่มาของเครือข่าย “จรป.”
สมาชิกเครือข่ายนี้บางคนเป็นผู้หญิง แต่รับราชการเป็นทหาร ยศขึ้นเร็วกว่าผู้ชายที่จบโรงเรียนทหารมาโดยตรงเสียอีก บางนาง 8 ปี 4 ยศ เล่นเอาพวกที่ฝึกตรากตรำ ไปรบเสี่ยงตาย ไปใต้เสี่ยงระเบิด ยืนมองกันตาปริบๆ
สมาชิกบางรายเป็นตำรวจหญิง งานการไม่ค่อยได้ทำสักเท่าไหร่ เอาแต่เปิดบริษัทใช้เส้นสายรับงาน แต่กลับโชติช่วงในชีวิตราชการ ในวงการเขาเรียก “ครบเป็นขึ้น” หมายถึงครองยศครบเกณฑ์ตามที่กำหนดปุ๊บ ก็ได้ขยับรับตำแหน่งหรือยศที่สูงขึ้นปั๊บ ไม่มีต้องรอคิวดูคุณสมบัติความสามารถหรืออาวุโสให้วุ่นวายเหมือนคนอื่น
สมาชิกบางคนเป็นตำรวจชาย ถ้าอยู่เครือข่ายนี้อย่าว่าแต่ “ครบเป็นขึ้น” เลย เพราะหลายๆ คน “ไม่ครบก็ยังขึ้น” แวดวงสีกากีเขาเรียก “ขึ้นลิฟท์” ไม่ใช่แซงแค่รุ่นตัวเอง แต่ยังแซงรุ่นพี่อีก 4-5 รุ่น หรือเกือบสิบรุ่นก็ยังมี แถมยังได้ไปอยู่ในพื้นที่ “ทำเลทอง-ทำเลเพชร” อีกต่างหาก
เครือข่ายนี้เวลาไปทำงานต่างประเทศ ทั้งๆ ที่เป็นงานการประชุมแบบไม่เป็นทางการ ก็นิยมไปกัน 40-50 คน จนต้องเช่าเหมาลำเครื่องบินไป ขณะที่ประเทศอื่นเขาไปกันไม่ถึง 10 คน เช่น ประเทศอาเซียนที่เป็นเกาะเล็กๆ ใกล้ๆ บ้านเรา ไปกัน 4 คนและนั่งเครื่องบินพาณิชย์
ของเรานอกจากจะไปกัน 40-50 คนแล้ว นายพลยังเต็มลำ เรียกว่านับหัวนายพลบนเครื่องบินแล้ว มากกว่าจำนวนนายพลของทั้งกองทัพบางประเทศเสียอีก
นี่แหละเครือข่าย จรป.ที่กำลังฮ็อตสุดๆ เวลานี้!