โตอย่างไรในแบบ Alipay
Alipay เป็นระบบการชำระเงินทางออนไลน์ระบบหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มผู้บริโภคที่นิยมการสั่งซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ต
เมื่อเปรียบเทียบแล้ว Alipay ก็เปรียบเสมือน Paypal ของประเทศจีน โดย Alipay เป็นบริษัทลูกภายใต้การดูแลของกลุ่มบริษัท Alibaba ซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือและมีการปรับปรุงระบบความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ Alipay ถูกเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2546 และได้แยกออกมาเป็นบริษัทลูกของกลุ่มบริษัท Alibaba อย่างเป็นทางการในปี 2554
Alipay เริ่มต้นจากการเปิดเป็นช่องทางการชำระเงินให้กับบริการ E-commerce ของ Alibaba ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เปิดให้คนจีนเข้ามาขายสินค้าต่างๆ ต่อมาจึงถูกพัฒนาเป็น E-Wallet ซึ่งเป็น Payment Platform สำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินที่มุ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าชาวจีนทั้งซื้อสินค้าออนไลน์ ออฟไลน์ และการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันต่างๆ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ สังคมไร้เงินสดประสบความสำเร็จได้ในจีน เกิดจากปัญหาการเข้าไม่ถึงของสินค้าและบริการในหลายพื้นที่ของแผ่นดินใหญ่ จึงทำให้การซื้อขายระบบ E-Commerce ที่สามารถแก้ปัญหาในจุดนี้ได้มีความนิยมเพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบัน Alipay มีการให้บริการผ่านเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนและถูกพัฒนาระบบ เพื่อตอบสนองความต้องการในปัจจุบันซึ่งด้านความสะดวก รวดเร็ว ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งผู้ใช้งานเพียงแค่นำบัตร Debit หรือ Credit Card มาผูกเข้ากับบัญชี Alipay ก็สามารถทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆผ่าน Alipay ได้แล้ว
นอกจากนั้น Alipay มีฟังก์ชั่นสำหรับทำธุรกรรมทางการเงินที่เปิดให้บริการ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การซื้อของออนไลน์ การซื้อของในร้านค้าออฟไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาดสด ห้างสรรพสินค้า ซื้อตั๋วภาพยนตร์ ใช้สิทธิพิเศษซื้อของในร้านค้าออฟไลน์สามารถใช้ Alipay ในการจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก ต่างค่าโดยสารต่างๆ ตลอดเวลา จ่ายบิลค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค เติมเงินมือถือ โอนเงินระหว่างบัญชี Alipay ไปจนถึงการลงทุนในกองทุนต่างๆ และยังสามารถใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาล (จำกัดลักษณะการรักษา) ในโรงพยาบาลได้อีกด้วย
นอกจากเป็นช่องทางในการให้บริการชำระเงินแล้ว ร้านค้าต่างๆยังสามารถใช้ Alipay ในการประชาสัมพันธ์ร้านของตนเองและดึงดูดลูกค้ามายังหน้าร้านโดยประกาศข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่ง ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน Alipay มากถึง 1 ใน 3 ของประชากรชาวจีน ทำให้ Alipay กลายเป็นช่องทางการชำระเงินช่องทางหลักทางหนึ่งในประเทศจีน โดย Alipay ได้มีการขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากมาย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ชาวจีนที่ไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศ
ราคาในการให้บริการของ Alipay สำหรับผู้ใช้บริการที่เป็นผู้บริโภคจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมจากการเติมเงินเข้าบัญชี Alipay เพียงครั้งเดียว ในการชำระเงินหรือสั่งซื้อสินค้าในร้านค้าต่างๆจะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมใดๆ สำหรับผู้ใช้บริการที่เป็นร้านค้าจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมการติดตั้งและค่าเช่าเครื่องสำหรับสแกน QR code ของ Alipay และค่าธรรมเนียมการรับชำระเงินด้วย QR code ต่อการชำระเงิน 1 ครั้ง ซึ่งทำให้แม้ประชาชนชาวจีนจะไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศ แต่ภายใต้การจับจ่ายใช้สอยนั้นก็เป็นรายได้ส่วนหนึ่งกลับมายังประเทศจีนเช่นกัน
Alipay ใช้แนวคิด KYC หรือ Know Your Customers (รู้จักลูกค้าของคุณ) ซึ่งยืนยันตัวตนภายใต้การควบคุมของแบงค์ชาติจีน คือ ผู้ใช้จะต้องมีเลขบัตรประชาชน บัญชีธนาคาร และหมายเลขโทรศัพท์ที่ประเทศจีน จึงจะสามารถเปิดใช้บริการ Alipay ได้ จึงทำให้มั่นใจได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ เมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้าและทำการโอนเงิน เงินจะมาอยู่ที่ Alipay ก่อนจนกว่าลูกค้าจะได้รับสินค้าและมั่นใจว่าสินค้าถูกต้อง ทาง Alipay จึงจะโอนเงินให้แก่ผู้ขาย ทำให้มีความน่าเชื่อถือทั้งสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย แล้วยังมีการพัฒนาระบบความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยการนำเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยใหม่ๆมาใช้กับระบบ เช่น Secure Socket Layer (SSL) ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก QR code ที่ใช้ในการจ่ายเงินตามร้านค้าจะเปลี่ยนทุก 5 นาที หรือระบบการสแกนหน้าเพื่อยืนยันการชำระเงิน เป็นต้น รวมถึงการที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากและการบอกปากต่อปากของผู้ใช้งาน ทำให้ระดับความน่าเชื่อถือของ Alipay มีเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
สำหรับกลยุทธ์ที่ใช้ในการกระตุ้นยอดการใช้งานให้เพิ่มและเพิ่มผู้ใช้งานหน้าใหม่ รวมถึงทำให้ Alipay เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยทาง Alipay ได้ออกแคมเปญมาในเทศกาลหรือวันสำคัญต่างๆ เช่น จับมือกับ Coca-cola สแกน QR code บนแพ็กเกจแล้วจะมีระบบ AR เป็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายออกมาเต้นน่ารักๆ พร้อมลุ้นซองแต๊ะเอียดิจิทัล หรือวันที่ 11 เดือน 11 วัน เพื่อเอาใจคนโสดที่นอนช้อปปิ้งอยู่บ้าน
สำหรับการขยายตลาดของ Alipay โดยเฉพาะการขยายไปยังต่างประเทศ มีเป้าหมาย คือ การอำนวยความสะดวกให้แก่คนจีนที่ไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศและสร้างระบบบริการการชำระเงินข้ามพรมแดน (Cross-border Payment Solution) ให้สามารถชำระเงินได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
โดยปัจจุบัน Alipay ได้ขยายไปกว่า 110 ประเทศทั่วโลกทั้งในแถบตะวันออก ยุโรปและอเมริกา โดยในการขยายตลาดของ Alipay นั้นจะเลือกเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทใหญ่ที่มีอิทธิพลในท้องถิ่นนั้นๆ เช่น พาร์ทเนอร์ในประเทศไทยของ Alipay ได้แก่ ธนาคารต่างๆ, CP (True Wallet กับ 7-Eleven), Counter Service, King Power, Mcdonald หรือ พาร์ทเนอร์ในประเทศอเมริกา ได้แก่ First Data บริษัทด้านอีคอมเมิร์ซและชำระเงินอิเล็คทรอนิกส์รายใหญ่ ส่วนพาร์ทเนอร์ในประเทศเกาหลี ได้แก่ Kakao Corporation ผู้ให้บริการ Application Kakao Talk ที่ นอกจากนี้ยังเป็นพาร์ทเนอร์กับ Uber, Grab, Yelp ที่มีให้บริการในหลายๆประเทศอีกด้วย
Alipay เป็นตัวอย่างกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จโดยในครั้งแรกที่นำนวัตกรรมมาใช้ Alipay เน้นการสร้างคุณค่าที่ สามารถช่วยแก้ปัญหาและอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ เช่น การซื้อสินค้าออนไลน์ ออฟไลน์ ทั้งในและต่างประเทศของผู้ใช้งานได้ และยังรวมไปถึงการชำระค่าสาธารณูปโภค ชำระค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น นอกจากนั้นการเติบโตของ Alipay มาจากการออกแบบให้ Alipay ใช้งานไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย เพียงใช้ QR code ก็สามารถชำระเงินได้ เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้ได้ทั้งคนที่ไม่ถนัดเรื่องเทคโนโลยี เมื่อผู้ใช้งานเกิดความเชื่อถือและกล้าในการทดลองใช้เมื่อผู้ใช้บริการทดลองใช้แล้วเห็นผลได้ ว่าสามารถใช้งานได้สะดวกและมีความปลอดภัย จึงใช้บริการอย่างต่อเนื่องจากมความไว้วางใจในแบรนด์ เมื่อมีผู้ใช้บริการจำนวนมากขึ้นก็สามารถดึงดูดผู้ใช้บริการและร้านค้าต่างๆมาใช้บริการได้ ทำให้ Alipay ยิ่งเติบโตขึ้นไปอีก
--------------------------------
เครดิตกรณีศึกษาโดย อมลวรรณ อ่อนสวัสดิ์ นักศึกษาปริญญาโท หลักสูตรตรีควบโท (4+1) วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล