สามก๊กการเมือง

ก็ประกาศไม่ร่วมกับพรรคเพื่อไทย และพร้อมเป็น “ฝ่ายค้าน”

ถ้าแยกสถานะ “อภิสิทธิ์” ในฐานะ “ส่วนตัว” แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่า “พรรคหรือกรรมการบริหารพรรค” จะเลือกแนวทางเดียวกับหัวหน้าพรรคหรือไม่

เมื่อ 8 เดือนที่แล้ว (6 ส.ค.2561) อภิสิทธิ์ ชี้ให้เห็นว่า การเมืองจะเกิด “สามก๊ก”

คนจำนวนไม่น้อยกังวลกับปัญหากับ “ระบอบทักษิณ” ว่าจะกลับมาหรือไม่ อีกส่วนหนึ่งก็ “ไม่เอา คสช.” นำมาสู่กระแสสืบทอดอำนาจ

“สามก๊ก” เมืองไทย จึงประกอบด้วย

1.พรรคการเมืองที่อิงอยู่กับตัว “ทักษิณ” หรือมีแนวทางคล้ายคลึงกับทักษิณ ซึ่งก็คือพรรคตระกูลเพื่อ เสรีรวมไทย อนาคตใหม่ โดยเฉพาะล่าสุด “อนาคต(ทักษิณ)ใหม่” คำพูดที่หลุดจากปาก “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” นักการเมืองหน้าใหม่ เข้าสุภาษิต “ขี้ใหม่หมาหอม”

แนวทางของอนาคตใหม่ กำลัง “เฟี้ยว” ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เกิดขึ้นในยุคสังคมก้มหน้า เสพสื่อแบบผิวๆ แล้วเฮโลไปตามกระแสสังคมหรือเพื่อนฝูงพัดพาไป

ผมไม่โทษคนพวกนี้ เพราะพวกเขาไม่เคยใส่ใจแก่นแท้ของ “คน” แต่กับคำพูดที่ “ธนาธร” สรุปความว่า “จะพาทักษิณกลับบ้าน” เพราะศาลไม่ยุติธรรม ก็ทำให้คนที่เคยยืนเคียงข้างกระโดดหนีราว “เห็บ หมัด” กระโดดหนี “หมาขี้เรื้อน” เพราะกลัวตาย

ก๊กที่สอง คือ พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.)

ก๊กที่สาม เมื่อ 8 เดือนที่ แล้ว “อภิสิทธิ์” บอกว่า “ประชาธิปัตย์” คือทางเลือกอีกทางหนึ่ง ที่ต่อสู้กับระบอบทักษิณ ขณะเดียวกันแนวทางของ คสช.หรือรัฐบาลปัจจุบันหลายอย่างก็ไม่สอดคล้องกับแนวคิดของประชาธิปัตย์

ในสถานการณ์ปัจจุบัน “เพื่อไทย” ยังอยู่ในสถานะได้เปรียบจากฐานะเสียง ภาคเหนือ ภาคอีสาน เรื่องความพร้อมทั้ง “เงิน ทอง” มีอยู่แล้ว ฉะนั้น “ทักษิณ” ก็มีสิทธิ์ที่จะคิด และประชาชน ยังพร้อมที่จะเสี่ยงกับพรรคเพื่อไทย แต่เชื่อว่า ด้วยการออกแบบรัฐธรรมนูญ ให้ส.ว. 250 คน เลือกนายกฯ ได้ พรรคเพื่อไทย ไม่มีโอกาสได้เป็นรัฐบาล

คงเหลือ 2 ก๊กจะรวมสูตรรัฐบาลกันอย่างไร แต่ที่แน่ๆ หลังเลือกตั้ง “อภิสิทธิ์” หากไม่โดนเขี่ยลงจากเก้าอี้หัวหน้าพรรค ก็อาจจะโดนจับใส่พานไปนั่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็เป็นได้