เฟดลดดอกเบี้ย
สถานการณ์เศรษฐกิจโลกไม่ควรมาถึงจุดนี้ บาดแผลจากวิกฤติการเงินอเมริกา ปี 2008 ยังไม่หายสนิท ผลข้างเคียงจากมาตรการแก้ไขยังมีฤทธิ์ตกค้างอยู่มาก
โดยเฉพาะเม็ดเงินปลอม QE ที่เป็นภาระหนี้สินของธนาคารกลาง รวมถึงเม็ดเงินจากนโยบายการคลังที่รัฐบาลทั่วโลกอัดฉีดก็มาจากการกู้ยืมเป็นส่วนใหญ่ หมายความว่าสภาพคล่องที่ล้นโลกขณะนี้ไม่ใช่ “เงิน” แต่เป็น “หนี้” ที่ต้องชำระสะสาง ปัญหาเดิมยังแก้ไม่จบ ปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้นซ้ำอีก
การที่โดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีอเมริกาคือจุดเริ่มต้นของปัญหา เมื่อคนหลงตัวเองที่คิดทำเรื่องเพี้ยน ๆ และเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้มีตำแหน่งอำนาจยิ่งใหญ่ ย่อมสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายและทุกข์ยากแสนสาหัสแก่โลกอย่างแน่นอน
ผู้เขียนทำนายไว้ตั้งแต่ 27/1/2560 ว่า สุริยคราส (เต็มดวง) 21 สิงหาคม 2560 ที่เส้นทางคราสผ่าอเมริกาเป็น 2 ส่วนนั้นคือสัญญาณอันตรายอย่างยิ่ง “...คราสเกิดที่ 4:47 องศาสิงห์ สิงห์คือราศีของผู้นำ มันบอกถึงชะตากรรมของผู้นำ ที่สำคัญสุด จุดคราสทับลัคนาและอังคารเดิมของทรัมป์สนิท เรื่องร้ายแรงต่างๆ สัมพันธ์และส่งผลถึงเขา หรือบางที ตัวเขาเองที่เป็นต้นเหตุ...” (อ่าน America’s Destiny ที่ http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/640162)
ใน Great Eclipse เมื่อ 25/8/2560 ทำนายเพิ่มว่า “...มันชี้ถึงจุดเริ่มต้นความเสื่อมทรุดตกต่ำของจักรวรรดิอเมริกาอย่างแท้จริง ภายในปี 2562 โลกจะได้เห็น “จุดเปลี่ยน” ของอเมริกา...”(http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/642303) บัดนี้ทุกคนรู้แล้วว่าทรัมป์คือตัวต้นเหตุ สงครามการค้ากับจีนกำลังทำลายเศรษฐกิจอเมริกาและทั้งโลก มันจึงฉุดดึงสถานะผู้นำโลกไปสู่ความตกต่ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นโยบาย America First แสดงถึงความตั้งใจที่จะเตะสกัดมหาอำนาจอันดับ 2 อย่างจีน สงครามการค้าย่อมหนีไม่พ้น ปัญหาเดียวคือทรัมป์คำนวณจีนผิดพลาด เริ่มต้นด้วยความมั่นใจแต่กลับต้องยืดเยื้อเป็นปี จนวันนี้เศรษฐกิจอเมริกาถูกกระทบไปด้วย ทรัมป์แก้เกมส์ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อว่า ได้เงินภาษีจากจีนมากมาย (แท้จริงเป็นค่าใช้จ่ายของคนอเมริกัน) และอุดหนุนภาคเกษตรถึง 16,000 ล้าน แต่ไม้เด็ดที่สุดคือกดดันให้เฟดลดดอกเบี้ย
นับแต่เจโรม พาวเวลล์-ประธานเฟดที่เขาเลือกเองกับมือ สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง 5 กุมภาพันธ์ 2561 เฟดขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง ๆ ละ 0.25 % เมื่อ 21 มีนาคม, 14 มิถุนายน, 26 กันยายน, และ 19 ธันวาคม จนดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 2.25 – 2.5 % สิ่งนี้ทำให้ทรัมป์ไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของปีที่มาตรการภาษีเริ่มมีผลและสงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ย่างเข้าปี 2562 เฟดประชุมอีก 4 ครั้งและยังคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิม ทรัมป์โกรธมากและเพิ่มแรงกดดันถึงขั้นขู่จะปลดประธานเฟด ในการประชุม 31 กรกฎาคม เฟดลดดอกเบี้ย 0.25 % มาอยู่ที่ 2 – 2.25 % ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปีนับจาก 16 ธันวาคม 2551 และส่งสัญญาณว่าพร้อมลดดอกเบี้ยต่อหากจำเป็น ทั้งนี้เฟดยุติมาตรการลดงบดุล (QT) ก่อนกำหนด 2 เดือนด้วย ซึ่งงบดุลนี้ลดจาก 4.5 ล้านล้านเหลือ 3.6 ล้านล้านในปัจจุบัน
แม้ดอกเบี้ยลด ทรัมป์ก็ยังโวยวายว่าลดน้อยเกินไป แต่สิ่งที่เขาทำคืออะไร ? ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีจีน 300,000 ล้านในวันรุ่งขึ้น นี่แสดงว่าตั้งใจอยู่แล้ว ที่คุยกับสีจิ้นผิงในการประชุม G20 ก็แค่ละครลวงโลกฉากหนึ่งเท่านั้น จีนก็ไม่ได้โง่ ธนาคารกลางจีนปล่อยค่าเงินหลุด 7 หยวนต่อดอลลาร์เพื่อตอบโต้ อเมริกากล่าวหาจีนทันทีว่าบิดเบือนค่าเงิน จีนประกาศหยุดซื้อสินค้าเกษตรอเมริกาทันทีเหมือนกัน รู้ทางและรู้ทันกันดีเช่นนี้สงครามการค้าคงจบยากเป็นแน่ ต้องเจ็บหนักทั้ง 2 ฝ่ายเสียก่อนจึงจะยอมยุติ
แต่การลดดอกเบี้ยของเฟดก็ส่งผลกระทบมหาศาลไปทั่วโลก ประเทศต่าง ๆ ต้องปรับตัวตามเพื่อมิให้ค่าเงินแข็งเกินไป จนกลายเป็นผู้แพ้ในสงครามค่าเงิน ไทยเป็น 1 ในนั้น วันที่ 7 สิงหาคม ธปท.ลดดอกเบี้ย 0.25 % ลงมาอยู่ที่ 1.5 % (ทั้งที่เพิ่งขึ้น 0.25 % เมื่อ 19 ธันวาคม 2561) ยังมีธนาคารกลางฟิลิปปินส์ลด 0.25 % ธนาคารกลางอินเดียลด 0.35 % ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ลด 0.50 % ฯลฯ เศรษฐกิจโลกเพิ่งปรับตัวเข้าสู่สมดุล แต่สงครามการค้าของทรัมป์บีบให้เฟดต้องลดดอกเบี้ย เท่ากับขัดขวางกระบวนการปรับตัวของระบบ นี่ไม่ใช่เรื่องดีงามแต่อย่างใด
ลดดอกเบี้ย ปล่อยค่าเงินอ่อน มาตรการ QE ลดสัดส่วนเงินสำรองของธนาคาร ฯลฯ ทั้งหมดเป็นไปเพื่อจุดหมายเดียวกันคือเพิ่มสภาพคล่องให้ระบบเศรษฐกิจ ในโหราศาสตร์ ผู้ควบคุมปริมาณเงินคือวัฏจักรพฤหัสเนปจูน พฤหัสคือเงินทุน เนปจูนคือเฟ้อ/ปลอม ยามใดทั้งคู่ทำมุมท้าทายกัน ปริมาณเงินในระบบจะเพิ่ม (หรือลด) อย่างมีนัยสำคัญ ทิศทางดอกเบี้ยถูกกำหนดจากปริมาณเงิน ดังนั้น มันเป็นผู้กำหนดทิศทางดอกเบี้ยด้วย
อย่างไรก็ตาม เงินที่อัดฉีดเข้าระบบเหล่านี้ไม่ใช่เงินจริง แต่เป็นเงินปลอม / เงินอนาคต / หนี้สินที่ยืมมาใช้ก่อนในปัจจุบัน มันต้องใช้คืนหรือมีราคาที่ต้องจ่ายในทางใดทางหนึ่ง
วัฏจักรนี้เป็น Synodic Period ที่กินเวลา 13 ปี รอบปัจจุบันเริ่ม 28 พฤษภาคม 2552 ที่ 2:29 องศากุมภ์ พีคเมื่อ 17 กันยายน 2558 เฟดขึ้นดอกเบี้ยได้ 16 ธันวาคม 2558 แต่ขึ้นต่อเนื่องไม่ไหว เพราะพฤหัสสิงห์เล็งเนปจูนกุมภ์ จนพฤหัสยกเข้ากันย์ 11 สิงหาคม 2559 วัฏจักรเข้าสู่ขาลงแท้จริง เฟดจึงขึ้นได้ต่อเนื่องถึง 16 ธันวาคม 2561
การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นจังหวะที่พฤหัสพิจิกมนท์ 90 เนปจูนกุมภ์ แต่มันขัดกับวัฏจักรดาว เมื่อเป็นขาลง ดอกเบี้ยควรขึ้น ขัดขืนพลังดาวเช่นนี้อันตราย ใน “หน้าต่างแห่งโอกาส” เมื่อ 24/07/2558 ผู้เขียนทำนายว่า “...วัฏจักรขาลง เงินปลอมเสื่อมประสิทธิภาพลงไปเรื่อย ๆ การอัดเงินเข้าระบบค่อย ๆ ไร้ผล...” (http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/635133)
เพราะฝืนวัฏจักรดาวเพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้า สิ่งที่ตามมาคือได้ผลน้อยและไม่อาจเปลี่ยนแปลงภาพใหญ่ ถ้าเกิดวิกฤติ (ที่รออยู่แล้ว) แทรกเข้ามา จะไม่เหลือตัวช่วยเพียงพอ วิกฤติย่อมรุนแรงมาก
เห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า จะทุกข์สาหัสในภายหลัง