บทสนทนากับ 'นายกฯ ลุงตู่' ...
ขอบพระคุณนายกฯ ลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ให้เกียรติมาร่วมงาน “Nation Dinner Talk” เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2562
ซึ่งจัดโดย “เนชั่นกรุ๊ป” ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน และได้ “ปาฐกถาพิเศษ” ในหัวข้อ “โฉมหน้าประเทศไทยและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 2020” รวมถึงท่านรองนายกฯ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นผู้นำการเสวนาต่อ รวมทั้งบรรดาคณะรัฐมนตรีและแขกทุกท่านที่มาร่วมงาน
เนื้อหาสาระสำคัญของการเสวนาวันนั้น… เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านคงได้รับข้อมูลอันเป็นประโยชน์แล้วไม่มากก็น้อยผ่านช่องทางสื่อต่างๆ… แต่สิ่งที่ผมอยากจะเล่าให้ฟังคือบางส่วนบางตอนที่ผมได้มีโอกาสได้รับเกียรติสนทนาพูดคุย… และแลกเปลี่ยนทัศนคติกับ “ท่านนายกฯ ลุงตู่” แบบกันเองเป็นส่วนตัว…
ก่อนอื่น… นอกเหนือจากการที่ “ท่านนายกฯลุงตู่” ชมว่าผมหล่อและหนุ่มขึ้นเป็นประโยคแรกแล้ว… ผมต้องขออภัยที่ไม่อาจเล่าทั้งหมดของบทสนทนาในวันนั้นได้ เพราะอาจมีผลกระทบต่อบุคคลที่สามอื่นๆ แต่สิ่งที่ผมสัมผัสได้จากการพูดคุยคือ…
“นายกฯลุงตู่” เป็นคนมีธรรมะในใจ…
หนึ่งในบทสนทนานั้น… ท่านได้กล่าวให้ความเห็นปิดท้ายว่า “ก็ไม่มีตัวเขา… ไม่มีตัวเรา… มันก็สมมติกันทั้งนั้น”
ซึ่งนี้อาจฟังเป็นประโยคง่าย แต่คือ “หัวใจ”… และ “แก่นสารหลัก” ของธรรมะคำสั่งสอนของ “พระพุทธองค์”…
“การรู้แจ้ง” หรือ “วิชชา” คือ การรู้ใน “อริยสัจ 4”… ซึ่งประกอบด้วย
1. การรู้ใน “ทุกข์”… ว่าจิตเราต้องเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ… เกิดๆ ตายๆ… ไม่รู้จบสิ้นใน “วัฏสงสาร”…
2. การรู้ใน “เหตุแห่งทุกข์” (สมุทัย)… ว่าจิตเราสร้าง “ความคิด” ขึ้นมาเอง… สุขหรือทุกข์ อยู่ที่ “ความคิด” เราทั้งนั้น… และ “ความคิด” นั้นเชื่อมโยงมาจากการทำงานของ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ (อายตนะ) และ สร้างการ “ปรุงแต่ง” จนทำให้เกิดการ “ยึด” และ “หลง” ว่า “ตัวเรา” นั้นเป็น “เรา”…
เมื่อหลงเองว่ามี “เรา” จึงมี “ของเรา”… “ของเขา”… จึงมี “ตัณหา”… รัก โลภ โกรธ หลง... อยากได้ในสิ่งชอบ… ไม่ได้ก็โกรธ เป็นต้น
3. การรู้ใน “การดับทุกข์” (นิโรธ)… คือต้องรู้ว่า “ตัวเรา” ไม่ใช่คน… เราคือขันธ์ 5 ซึ่งประกอบด้วย รูป (ร่างกาย ดิน น้ำ ลม ไฟ)… และ กระบวนการทำงานของจิตทั้ง 4… คือ รับรู้ (วิญญาน) ชอบไม่ชอบ (เวทนา) จำ (สัญญา) ปรุงแต่ง (สังขาร) มารวมเข้าด้วยกันภายใต้ “กฏไตรลักษณ์”… อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา… เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แปรเปลี่ยนไป ไม่รู้จักจบสิ้น ... ดังนั้นจึงต้องมุ่งสู่พระนิพพานเป็นที่หมาย
4. การรู้ในข้อปฏิบัติบนเส้นทางของการดับทุกข์ (มรรค 8)… คือการมีสัมมาทิฏฐิ... หรือง่ายๆ คือการ “ตามรู้” ในกริยาและความคิดของตัวตนที่ยึดมั่นถือมั่นอยู่ เพื่อนำไปสู่การปล่อยวาง...
ดังนั้น การระลึกรู้ว่า “ไม่มีตัวเรา ไม่มีตัวเขา ทุกสิ่งคือเรื่องสมมุติ” นั้น จึงเป็นการสะท้อนที่ดีถึงจิตที่น้อมเข้าหาธรรมของ “ท่านนายกฯลุงตู่”… ดังนั้นพวกข่าวลือที่กล่าวหาว่านายกไม่ใช่ชาวพุทธนั้นไม่จริง… มิหนำซ้ำ ท่านยังเป็นพุทธศานิกชนที่สนใจในธรรมะอีกด้วย…
ในอดีตผมได้ผ่านการสนทนากับผู้คนที่ร่ำรวย มีชื่อเสียง มีอำนาจมามากมายในชีวิต… แต่มีไม่กี่ครั้งที่ผมจะได้มีโอกาสได้ยินทัศนธรรมความคิดเช่นนี้จากคนระดับผู้นำสังคม ที่ช่างเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง
แม้ลักษณะนิสัยและการพูดจา “ลุงตู่” จะตรงๆ ห้วนๆ... ดุดันนิดๆ... เสียงดังหน่อยๆ... แต่สาระสำคัญอยู่ที่ใจความและความคิดของท่านที่ต้องการสื่อสาร...
........
อย่างไรก็ดี... เหนือสิ่งอื่นใด ผมเชื่อว่า “คุณธรรมความดี” และ “การซื่อสัตย์สุจริต” รวมถึงการ “จงรักภักดีต่อสถาบัน” คือคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้นำประเทศ