Part1. วิกฤติไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ ที่เริ่มจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ในประเทศจีนเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา กลายเป็นวิกฤติระดับโลก
จากระดับเมือง สู่ระดับชาติและระดับโลกอย่างรวดเร็ว เพราะยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน (ว่าเกิดจากการบริโภคสัตว์ป่าในเมืองอู่ฮั่น หรืออาจเป็นอาวุธชีวภาพที่มนุษย์เป็นผู้คิดค้นขึ้นมา !?) และยังไม่มีวัคซีนหรือยาที่ใช้แก้ไขโดยตรง สิ่งที่ทำได้คือการป้องกันและรักษาอย่างระมัดระวัง ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่รักษาหายและผู้ทีล้มหายตายจากทุกวัน
(ข่าวดีก็คือ คุณหมอของ โรงพยาบาลราชวิถีของไทย คิดค้นผสมยารักษาเอดส์กับยาต้านไวรัสอื่นๆมาเริ่มรักษาได้แล้ว น่าชื่นชมมากครับ)
จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลก (เพิ่มจากหลักร้อย สู่หลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่น)โดยเฉพาะในประเทศจีน ส่วนจำนวนผู้ที่เสียชีวิตก็ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุกๆ วัน วิกฤติยังคงลุกลามไปประเทศอื่นๆ เพราะระยะฟักตัวของไวรัสชนิดนี้ 1-2 สัปดาห์ถึงจะแสดงอาการ
ไวรัสโคโรน่า ส่งผลกระทบทั้งในวงกว้างและเชิงลึก ทั้งในเรื่องสุขภาพ ความเป็นความตายของคน และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับสภาวะเศรษฐกิจ ยิ่งกว่าผลกระทบในด้านอื่นๆ ในหลายปีที่ผ่านมา
ในแง่ประชาชนทั่วไป ต่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้นกับการใช้ชีวิต ในแง่ของธุรกิจ หลายธุรกิจถึงกับชะงักหรือทยอยปิดตัว โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่แต่เดิมจับตลาดลูกค้าจากประเทศจีนเป็นหลัก เพราะที่ผ่านมา ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเป็นตัวเลขถึง 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาในประเทศไทย
จากเดิมสภาวะเศรษฐกิจที่มีปัญหาสะสมอยู่แล้ว และหนี้ครัวเรือนในประเทศอยู่ในระดับสูง กำลังซื้อถดถอย เมื่อเจอวิกฤติไวรัสโคโรน่า ยิ่งทำให้ทั้งประชาชนและเจ้าของธุรกิจทุกระดับยิ่งต้องปรับตัวอย่างหนักในปีนี้
Part 2.
- ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วง รุนแรงและรวดเร็ว เช่นธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่พึ่งพานักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นหลัก
- ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรองลงมา ที่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับธุรกิจท่องเที่ยวที่พึ่งพานักท่องเที่ยวจีนและต่างชาติ ที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะหดหายแบบตั้งตัวแทบไม่ทัน ทั้งธุรกิจโรงแรม ธุรกิจที่เป็นศูนย์รวมของคนหมู่มากทุกธุรกิจ เพราะคนจะออกไปรวมกันน้อยลงในช่วงนี้ ส่วนธุรกิจอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบทางอ้อม ไม่มากก็น้อยไปตามๆกัน
อย่างไรก็ตาม ในวิกฤตินี้ก็กลายเป็นโอกาสของหลายๆ ธุรกิจที่เกี่ยวกับการป้องกัน ดูแล รักษาสุขภาพไปจนถึงธุรกิจอำนวยความสะดวก จัดส่งสินค้า จัดส่งอาหารถึงที่ ยอดขายจะดีสวนกระแสกับธุรกิจอื่น
Part 3.
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายสนับสนุนหรือฝ่ายต่อต้านจ้องล้มรัฐบาล.. ไม่ใช่สาระสำคัญในเวลานี้ แต่เรื่องที่ถือว่าเป็น วิกฤติไวรัสกินลึกในจิตใจ ก็คือ กลุ่มคนที่พยายามซ้ำเติม ปล่อยข่าวเฟคนิวส์ทุกวันทั้งวัน และกลุ่มคนที่พยายามฉกฉวยสถานการณ์นี้มาจ้องล้ม จับผิดรัฐบาล ถือว่าเป็นการกระทำที่แย่มาก
เวลานี้ ควรเป็นเวลาที่ทุกฝ่ายควรจะต้องร่วมแรงร่วมใจ ช่วยกันป้องกันและแก้ไข ให้กำลังใจกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ต้องรับมือกับสภาวะวิกฤติโคโรน่านี้ โดยเฉพาะบุคคลรกรทางการแพทย์ ทางสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ทุกคนทุกระดับที่มีหน้าที่คัดกรองในทุกช่องทางของการเดินทาง พนักงานที่ต้องให้บริการที่อยู่ในที่ชุมชนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่มีความเสี่ยงสูงแต่ด้วยภาระหน้าที่ยังคงแข็งขันในการปฏิบัติหน้าที่
ฝ่ายที่นอกจากมือไม่พายยังเอาเท้าราน้ำ ปล่อยข่าว บ่อนทำลาย ขอให้ทุกท่านอย่าไปให้ความสำคัญ อย่าไปช่วยกระจายข่าวช่วยแชร์ และถ้ามีบุคคลประเภทนี้ทำงานเป็นลูกจ้างทั้งภาครัฐและเอกชน ขอแนะนำว่าอย่าเลี้ยงบุคคลประเภทนี้ เพราะไม่คู่ควรที่จะปล่อยให้กินเงินเดือนแล้วบ่อนทำลาย ซ้ำเติมอีกต่อไป!
Part 4.
ไม่มีทางออกแบบสวยหรูโลกสวยในระยะสั้น จนกว่าสถานการณ์จะค่อยๆคลี่คลาย (จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต ทั่วโลกคงที่ และค่อยๆลดลง) ซึ่งยังไม่รู้จะเป็นเมื่อไหร่ และสถานการณ์ปัจจุบันจะไปถึงจุดสูงสุดของวิกฤติในสัปดาห์ไหน?
สิ่งที่ทำได้และควรทำในเวลานี้ คือ การตั้งสติเพื่อรับมือกับสถานการณ์ ดูแลพนักงานให้ปลอดภัยเป็นหลัก แทบทุกธุรกิจต้องเผชิญสถานการณ์ตัวเลขรายได้ถดถอยไม่มากก็น้อย เป็นโอกาสที่จะกลับมาทบทวนตั้งสติ และกำหนดแผนและแนวทางทั้ง3ระดับ (วิกฤติรุนแรงขีดสุด /วิกฤติเริ่มลดความรุนแรงและทรงตัว/วิกฤติคลี่คลาย) เพื่อรับมือกับแต่ละสถานการณ์ โดยไม่ต้องตระหนก
ให้กำลังใจตนเอง ให้กำลังใจทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศ และส่งกำลังใจไปทุกที่ทั้งในประเทศเราเองและทุกประเทศที่เผชิญวิกฤติโดยเฉพาะที่ประเทศจีน สร้างขวัญและกำลังใจกับทีมงาน ดูแล ป้องกัน ลดความเสี่ยงให้กับพนักงาน อีกไม่นานทุกอย่างจะผ่านไป อย่างน้อยก็ร่วมกันผ่านอย่างมีสติ อย่างคนที่ไม่ติดเชื้อไวรัสทางจิตใจครับ.