วังวนอำมาตยาธิปไตย !!

วังวนอำมาตยาธิปไตย !!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา .. เดินทางล่องใต้ลงมาด้วยรถยนต์ จากลำพูน สู่ นครชัยศรี..

เพื่อประกอบศาสนกิจก่อนเข้าสู่พรรษาปีพุทธศักราช ๒๕๖๓ จึงได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับคณะศรัทธา.. รับฟังเรื่องราวในแวดวงราชการบ้านเมือง โดยเฉพาะในกรณีการแต่งตั้งโยกย้ายสู่ตำแหน่งหน้าที่สำคัญ ๆ ที่หนีไม่พ้นการเรียกหาประโยชน์จากผู้มีอำนาจ...

เรื่องการวิ่งเต้นโยกย้ายช่วงชิงเก้าอี้สำคัญ ๆ จริง ๆ แล้ว นับเป็นเรื่องปกติในแวดวงข้าราชการไทย ซึ่งเชื่อว่า น่าจะสืบเนื่องมาตั้งแต่ได้รับการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ภายใต้ระบอบอำมาตยาธิปไตย .. ที่ถูกสถาปนาขึ้นมาโดยกลุ่มบุคคลผู้มีอำนาจหน้าที่ในแต่ละยุคสมัย.. โดยเฉพาะปรากฏการณ์ดังกล่าวระหว่าง พ.ศ. ๒๕๐๑ สืบมาจนถึงปัจจุบัน ที่ถึงแม้จะไม่รุนแรงเท่าในสมัยที่ผ่านก่อน พ.ศ. ๒๕๒๐ ก็ตาม แต่ยังแสดงให้เห็นรากเหง้าของการใช้อำนาจที่เป็นไปเพื่อตนเอง หมู่คณะ ในรูปแบบอำมาตยาธิปไตยที่ยังไม่สูญสิ้นไป แม้จะเข้าสู่การใช้อำนาจรัฐตามระบอบประชาธิปไตย...

คำว่า อำนาจคือสมบัติผลัดกันชม .. จึงดูน่าจะเป็นความจริงที่สะท้อนธรรม .. ในธรรมชาติของสังคมในระบอบดังกล่าว ทั้งนี้แท้จริงแล้ว .. เพื่อแสดงให้เห็นความเป็นอสาระในสรรพสิ่งทั้งหลาย อันหาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ ที่สัตว์ผู้มีสติปัญญาทั้งหลายไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัวตนของเรา... โดยที่สุด แม้อำนาจ.. เมื่อนำไปสู่การรู้เข้าใจ .. เข้าถึง และปล่อยวางด้วยปัญญา...

นัยของความจริงกลับสะท้อนความจริงในเชิงตรงข้ามในวิถีแห่งโลกธรรมว่า เรื่องอำนาจหน้าที่เป็นเรื่องที่ผู้ใดมีกำลัง.. มีความสามารถ.. มีความพร้อมมากกว่า ก็ย่อมสามารถถือครองอำนาจนั้น ๆ ได้.. จึงนำไปสู่การต่อสู้แย่งชิงในทุกวิธีการ เพื่อการได้มาในอำนาจหน้าที่ตำแหน่งนั้น ๆ .. ที่ใคร ๆ ก็สามารถจักครอบครองได้ หากมีกำลังถึงพร้อมในทุกด้านตามโลกนิยม

เรื่องดังกล่าวจะไม่แปลกเลย หากเกิดในสมัยยุคที่คณาธิปไตยเรืองอำนาจ หรือ อำมาตยาธิปไตยที่เข้มแข็งดังในอดีต โดยเฉพาะระหว่าง ๒๕๐๑ - ๒๕๑๙ ...แต่มันน่าสนใจพิจารณาอย่างยิ่ง เมื่อมาเกิดในสมัยที่หมู่ชนมีความรู้ ความสามารถ การศึกษาระดับสูง และมีไอทีเป็นเครื่องมือที่ทรงคุณภาพเหนือศาสตราอาวุธทั้งปวง.. โดยเฉพาะเจตนามุ่งหวังเพื่อการปฏิรูปการเมืองการปกครองให้เข้มแข็งมั่นคง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข..

จึงต้องแปลกใจ เมื่อได้รับฟังพฤติกรรมของบุคคลผู้มีอำนาจวาสนาบารมีในสมัยนี้ ทั้งในแวดวงนักการเมืองและข้าราชการที่ยังมีพฤติกรรมสืบเนื่องเช่นนี้อยู่ มีการประสานสัมพันธ์กันอย่างดียิ่งระหว่างกลุ่มดังกล่าว เพื่อการใช้อำนาจหน้าที่กระทำการมิชอบ แม้ในขณะที่บ้านเมืองต้องเผชิญกับวิกฤติการณ์ไวรัสโควิด-๑๙

ในขณะที่ทุกฝ่ายต้องการความร่วมมือร่วมใจ เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาจากวิกฤติการณ์ต่าง ๆ .. ท่ามกลางความเดือดร้อนของประชาชนทุกหย่อมหญ้า อันสืบเนื่องมาจนถึงการครองชีพในภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับแรงกระทบ ที่สืบต่อมาจากวิกฤติการณ์ไวรัสโควิด-๑๙ จนก่อเกิดการแปรรูปสู่วิกฤติการณ์ครองชีพด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ติดกับดักตัวของมันเอง.. ที่แผ่กว้างไปทั่วในสังคมโลก...

แม้ว่าประเทศของเราจะมีต้นทุนการดำรงชีวิตที่ดีกว่าประชาชนทั่วโลก ด้วยในน้ำมีปลา ในนามีข้าว .. พืชผักมีในป่า .. แสวงหาเผือกมันได้ไม่ยาก พร้อมด้วยทรัพยากรการดำรงชีพขั้นพื้นฐานที่ยังอุดมสมบูรณ์ แต่ก็มิใช่ว่าจะรอดพ้นกระแสวิกฤติที่เชื่อมโยงถึงกันในนานาประเทศยุคโลกไร้พรมแดน..

แต่แทนที่ผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารกิจการบ้านเมือง .. จะได้ระดมความรู้ความสามารถเพื่อช่วยกันขจัดบรรเทาเบาบางในปัญหาที่ก่อตัวมาจากทั่วทุกทิศ... กลับอาศัยสถานการณ์ดังกล่าว แสวงหาประโยชน์อันมิควรอย่างน่ารังเกียจ ที่ไม่ควรเรียกตนเองว่าเป็นสัตว์มนุษย์..

ดังข่าวการวิ่งเต้น .. แสวงหาในหลากหลายรูปแบบวิธีการ.. ด้วยพฤติกรรมโฉดชั่ว ที่ไม่เคยสิ้นไปจากแผ่นดิน... แม้จะก้าวย่างสู่สังคมในปัจจุบัน .. ที่สามารถตรวจสอบกันได้ไม่ยากในยุคไอทีปัจจุบัน

จึงใคร่ขอบิณฑบาตความกเฬวราก อัปเปหิลงทะเลมหาสมุทรให้สิ้นไป.. เพื่อถวายเป็นอธิการกุศลแด่แผ่นดินไทย .. ตอบแทนคุณบรรพชนที่สืบสร้างแผ่นดินไทย.. ชาติไทย... ขอบิณฑบาตสักครั้งเถิดโยมบิ๊ก ๆ ทั้งหลาย... ให้เชื่อเถิด ไม่มีใครหนีพ้นกฎแห่งกรรมไปได้สักราย ยิ่งยุคกรรมติดจรวดในปัจจุบันที่เห็นผลเร็วทันใจ ไม่แพ้ไอทียุค 5G…

เจริญพร

[email protected]