..นี่ คือ ความจริงที่ควรสำนึก!!

ขณะกำลังจรดปากกาเพื่อเขียนต้นฉบับ “ธรรมส่องโลก” ในกรุงเทพธุรกิจ ได้มีข้อความส่งมาถึง มีเนื้อหาสั้น ๆ กล่าวถึง การที่อัยการสั่งไม่ฟ้องลูกกระทิงแดง กรณีขับรถชนตำรวจตายแม้แต่กระทงเดียว.. โดยอ้างว่า เรื่องดังกล่าวจะถูกโยงไปกระทบกับบุคคลหลายฝ่าย... ซึ่งก็เข้าใจในความห่วงใยของประชาชนทุกหมู่เหล่าที่รู้คุณแผ่นดิน เคารพต่อสถาบันหลักของประเทศ..

ก็อย่างว่า... ในยามวิกฤตการณ์ทางจิตวิญญาณที่ขาดหลักธรรมเป็นสรณะ ..อะไรๆ ก็จักเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น อย่างไม่ต้องถามว่า ทำไม.. อย่างไร หากเข้าใจกฎธรรมในธรรมชาติที่ว่า ธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นมาแต่เหตุ เมื่อเหตุสิ้นไป ธรรมเหล่านั้นย่อมสิ้นไป...

ในสังคมที่ไม่มีใครเชื่อฟังใคร.. ไม่มีใครเคารพใคร.. หากไม่ตรงใจกัน ก็พร้อมห้ำหั่นกันในทุกรูปแบบ แม้จะไร้จริยธรรม ขาดศีลธรรม.. จึงให้ระลึกถึงเสียงธรรมที่ดังกึกก้องไปทั่วทุกภพภูมิว่า “บัดนี้ กาลกลียุคเกิดขึ้นแล้วในโลกมนุษย์..” จึงไม่แปลกที่จะมีเหตุการณ์แปลกเกิดขึ้นมาให้ชม.. เพื่อทดลองภูมิจิตภูมิธรรมของมนุษยชาติว่ามีความเข้มแข็งของสติปัญญามากน้อยแค่ไหน.. สามารถเข้าสู่ฐานะความเป็นสัตว์ประเสริฐได้หรือไม่ โดยเฉพาะในฤดูกาลผลไม้พิษแพร่ระบาด อันเกิดจากความวิปริตของการศึกษาที่ขาดดุลยธรรม จึงได้เห็นพฤติกรรมคนในยุคสมัยไอทีที่ผิดเพี้ยนไปจากยุคเกษตรกรรม.. อุตสาหกรรม... สังคมจึงเข้าสู่รอยต่อในระหว่างการปรับเปลี่ยน เพื่อหาความสมดุลระหว่างหมู่ชนที่ต่างยุคสมัย.. แตกต่างความคิด.. ทั้งที่มีจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน..

แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น.. อะไรจะสิ้นไป.. ขอสาธุชนอย่าได้หวั่นวิตกจนเกินเหตุ.. ด้วยประเทศของเรามีภูมิคุ้มกันหลากหลายรูปแบบเช่นเดียวกัน เพื่อรักษาสามสถาบันหลักของประเทศให้มั่นคงดำรงสืบตลอดไป.. ทั้งจากอำนาจที่มองเห็นและมองไม่เห็น

ในส่วนอำนาจที่มองเห็น ได้แก่ ชาวไทยยังรักความเป็นไทย ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข.. เราเป็นประเทศที่มีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำจิตวิญญาณของชาวไทยยาวนานมามากกว่า ๗๐๐ ปี นี่ยังไม่นับทะลุไปถึงหริภุญไชย ละโว้ ศรีวิชัย ทวารวดี... จึงขอให้สบายใจได้ว่า.. ชาวไทยแท้ๆ ไม่ใช่ลูกผสมมารจากต่างชาติ.. ย่อมไม่ยินดีต่อการทำลาย ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โดยเด็ดขาด..

สำหรับในส่วนอำนาจที่มองไม่เห็น.. คงไม่ต้องจาระไนด้วยพลังความศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองแผ่นดินไทยนี้ ที่มีความเป็นจำเพาะ ไม่เหมือนประเทศใดในโลก.. เอาเฉพาะตามหลักวิทยาศาสตร์ข้อเดียวก็น่าจะสรุปจบ ได้แก่.. ประเทศไทยมีแผ่นดินตั้งอยู่ตรงเส้นศูนย์สูตรสนามแม่เหล็กโลก โดยมีศูนย์กลางอยู่แถวประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร... จึงมีพลังจากสนามแม่เหล็กซึ่งมีคุณานุประการต่อการปกป้องคุ้มครองและอุ้มชูแผ่นดินไทย ที่โยงใยไปสู่ดินฟ้าอากาศ พืชพรรณธัญญาหาร.. และจิตวิญญาณสรรพสัตว์ที่สมบูรณ์ด้วยสติปัญญา.. แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าประเทศเราจะมีดีอย่างไร ก็ไม่ควรตั้งอยู่ในความประมาท ช่วยกันสั่งสอนลูกหลาน อย่าได้ประพฤติผิดศีลธรรม ไร้จริยธรรม... ก่อการตามอกุศลกรรมบถสิบ จนมีแต่ชั่วกับเลว.. หาดีมิได้เลย... นั่นหมายถึง แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมผืนนี้ คงไม่สามารถยั่งยืน เพื่อรองรับความชั่ว.. คนเลว ให้เสียคุณค่าแผ่นดินธรรมไปได้...

พระพุทธศาสนาของเราจึงได้ตอกย้ำให้สาธุชนมีศรัทธาในกฎเกณฑ์กรรม.. ดังพุทธภาษิตที่เราท่องบ่นทุกค่ำเช้าว่า

สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของของตน.. เป็นทายาทของกรรม.. มีกรรมเป็นแดนเกิด.. มีกรรมเป็นผู้ติดตาม.. มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย.. จักทำกรรมอันใดไว้จักต้องรับผลกรรมนั้น

พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า.. กมฺมํ สตฺเต วิภชติ ยทิทํ หีนปฺปณีตตายติ แปลว่า กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวดีต่างกัน...

ดังนั้น ไม่ว่าใครจะทำอะไร จะพูดอย่างไร.. จะคิดอย่างไร.. ก็จักต้องรับผลจากการคิด พูด ทำ นั้น.. นี่เป็นกฎธรรมดา.. ที่ยุติธรรม ไม่มีสัตว์ใดๆ มีอำนาจเหนือกฎแห่งกรรม.. อันแสดงความเป็นธรรมนิยามแท้จริง

การดำรงชีวิตอยู่ในวิถีสังคมปัจจุบันที่มีความหลากหลาย แตกต่างกันแบบสุดขั้ว จึงต้องรู้จักการวางจิตไว้ที่ความเป็นกลางๆ.. ประคองไว้ด้วยสติปัญญาและความเพียรชอบ เพื่อให้รู้ชัดในประโยชน์และความเหมาะควร ก่อนจะกระทำการใดๆ เพื่อการตั้งอยู่ในฐานกุศลกรรม.. เพื่อการรู้ชัดในอารมณ์กรรมฐาน.. ที่สามารถพัฒนาจิตให้รู้ชัดในความเป็นจริง.. ที่เป็นสัจธรรม.. ขจัดสิ้นความลุ่มหลงมึนงง...

“ความรู้ ความเข้าใจ ที่ถูกต้องตรงธรรม” จึงเป็นธรรมโอสถดับโรคทุกข์ภัยได้จริง.. ซึ่งจะเกิดมีขึ้นได้เมื่อรู้จักพึ่งตน-พึ่งธรรมตามหลักธรรมความสั่งสอนในพุทธศาสนา.. นี่คือความเป็นจริงที่ควรคำนึงถึงในสถานการณ์ปัจจุบันของสังคม...

เจริญพร