ธรรม .. ไม่เคยเสื่อม !!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา .. ในห้วงเวลา ๗ วันที่ผ่านมาได้กระทำสัตตาหกรณียะ
ตามพระวินัยพุทธานุญาตให้สามารถออกจากเขตอธิษฐานจำพรรษาได้ หากมีกรณีดังนี้ เช่น กิจนิมนต์ไปฉลองศรัทธาญาติโยมอันควร ดังที่ได้รับนิมนต์ ม.ล.สราลี กิติยากร เพื่อเจริญพระพุทธมนต์-รับถวายสังฆทานที่วังเทเวศร์ฯ ต่อเนื่องด้วย แสดงธรรมรับถวายสังฆทานที่มูลนิธิเพื่อโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ.. วันต่อมาไปเยี่ยมเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อบันทึกการสนทนาธรรมกับคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตนักจัดรายการเรื่องเล่าเช้านี้ทางไทยทีวีสีช่อง ๓
สำหรับรายการสนทนาธรรมกับคุณสรยุทธ จะแพร่ออกอากาศโดยความเห็นชอบของกรมราชทัณฑ์ ที่ใช้ชื่อว่า “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ” มีการอนุญาตให้เผยแพร่สู่ชาวเรือนจำที่รอชมมากกว่าสามแสนคนและผู้สนใจทั่วไปในวันเสาร์ที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๘.๐๐ น. ในช่องทางเว็บไซต์ของกรมราชทัณฑ์ ชื่อ www.correct.go.th หรือทางยูทูบช่อง “เป็นบุญ”
ต่อเนื่องในวันถัดมาด้วยรับกิจนิมนต์จาก คุณอาซิม อิฟติกาห์ อาหมัด เอกอัครราชทูตปากีสถานประจำประเทศไทย เพื่อรับภัตตาหารและสนทนาธรรม โดยเฉพาะในเรื่องการพัฒนาแหล่งพุทธสถานโบราณในปากีสถานที่ได้ยกเป็นมรดกโลก ซึ่งเรื่องดังกล่าวนับเป็นกิจนิมนต์ที่สำคัญที่สุดสำหรับการกระทำสัตตาหะฯ ในครั้งนี้ ด้วยเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในระหว่างประเทศที่ต่างศาสนา เป็นการดำเนินนโยบายการทูตทางธรรม (Dhamma Diplomacy) อย่างแท้จริง..
..ซึ่งหากจะย้อนเรื่องราวและเวลากลับไปสักนิด ก่อนหน้าเข้าสู่วิกฤติการณ์โควิด-๑๙ อาตมาได้รับนิมนต์ไปเยือนสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานอย่างออกจะเป็นทางการ มีการต้อนรับอย่างดียิ่งด้วยการเชิญเข้าพบประธานาธิบดีและรัฐมนตรีสำคัญ ๆ หลายกระทรวง โดยเฉพาะรัฐมนตรีกระทรวงการศาสนา ก่อนที่จะไปบรรยายที่ World Bank Campus เรื่อง พุทธศาสนามรดกโลก .. ในทิศทางที่ควรพัฒนาในปากีสถาน และเยี่ยมชมเขตพุทธศาสนามรดกโลกที่ตักสิลาและเปชวาร์ .. มีการประดิษฐานระฆังสันติภาพ (Bell of Peace) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์บนแผ่นดินอารยธรรมพุทธศาสนา ณ. พิพิธภัณฑ์ที่ตักสิลาและเปชวาร์ .. ท่ามกลางสื่อมวลชนและนักการทูตจากหลายประเทศ
ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีดังกล่าว จึงสืบเนื่องสู่การเตรียมจัดประชุมนานาชาติทางวิชาการในงานมรดกโลกทางพุทธศาสนาขึ้นที่เมืองเปชวาร์ เขตไคเบอร์ปักตุนควา (KP) โดยนิมนต์อาตมาไปเป็นองค์บรรยายธรรมเปิดการประชุมระดับนานาชาติที่จะจัดให้มีขึ้นเมื่อเมษายนที่ผ่านมา แต่ต้องระงับไปด้วยวิกฤติการณ์ไวรัสโควิด-๑๙ .. พร้อมทั้งการเตรียมไปจำพรรษาปี ๒๕๖๓ ครั้งแรกที่นครตักสิลาที่ต้องเลื่อนออกไปเช่นเดียวกัน
ดังนั้น การรับนิมนต์ไปรับภัตตาหารปากีสถานและสนทนาธรรมที่บ้านพักท่านเอกอัครราชทูตอาซิมในครั้งนี้ จึงเป็นเรื่องควรอย่างยิ่งตามที่กล่าวมา เพื่อการสืบสานแผนงานพัฒนาแหล่งอารยธรรมพุทธศาสนาในเขตมรดกโลกที่มีหลายเรื่องที่ต้องช่วยกัน เช่น การบูรณะพระพุทธรูปปางสีหไสยาสน์สมัยคันธาระยาว ๑๕ เมตร .. ที่ Bhamala ในเขตไคเบอร์ปักตุนควา (KP) .. ซึ่งได้ตอบตกลงกับทางฝ่ายหน่วยงานโบราณคดีที่เปชวาร์ที่กำกับดูแลว่า ทางเรา (ประเทศไทย) จะนำทีมผู้เชี่ยวชาญและช่างฝีมือเข้าไปบูรณะพระพุทธรูปปางสีหไสยาสน์ที่ยาวที่สุดในปากีสถานตามที่ค้นพบในปัจจุบัน ดังที่ได้ขอให้ ดร.ภิญโญ สุวรรณคีรี ศิลปินแห่งชาติ รับภาระดังกล่าว ที่ขณะนี้กำลังเร่งร่างแบบให้ตรงกับพุทธศิลป์ปางดังกล่าวในยุคสมัยคันธาระ
เสร็จสิ้นจากงานนิมนต์ในเขตกรุงเทพฯ จึงได้เดินทางสู่ จ.ชัยนาท เพื่อทำหน้าที่ในฐานะกำกับดูแลโครงการพัชรธรรมในพระดำริ.. ที่เรือนจำชัยนาท โดยในคืนวันที่ ๒๖ สิงหาคม.. ได้มีโอกาสแวะพักวัดปากคลองมะขามเฒ่าของหลวงปู่ศุข ในค่ำคืนนั้นจึงได้ภาวนารับอรุณ ปรากฏธรรมคติอันควรพิจารณาดังนี้ว่า...
“ธรรมะไม่เคยเสื่อม.. สัจธรรมไม่เคยจางคลายจากความศักดิ์สิทธิ์.. คาถาอาคมที่เป็นสุภาษิต ที่ไม่เคยสูญสิ้นฤทธิ์กำลัง.. ไม่ว่าจะผ่านกาลเวลามานานเท่าใด..
หากแต่การสูญสิ้นไปของธรรมทั้งหลาย เป็นเพราะคนเราเสื่อมไปจากธรรมนั่นเอง”
เจริญพร