การตัดสินใจบนความย้อนแย้ง
'ผู้นำ' ที่สามารถบริหารจัดการองค์กรต่างๆ ได้อย่างราบรื่นภายใต้สถานการณื COVID-19 ในวันนี้ ต้องถือว่าเป็นผู้นำที่ 'ไม่ธรรมดา' จริงๆ
ว่ากันว่า ผู้นำที่ประสบความสำเร็จ ก็คือ “ผู้ที่กล้าตัดสินใจ” ภายใต้ความไม่แน่นอนและบน “ข้อมูล” เท่าที่มี ซึ่งทำให้ความสามารถในการตัดสินใจของผู้นำมักจะขึ้นอยู่กับ “ข้อมูล” เป็นสำคัญ
ข้อมูลที่ถูกต้องและทันการณ์ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผู้นำทุกยุคทุกสมัย แต่แท้จริงแล้ว การตัดสินใจยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่บ่งชี้ถึง “ศักยภาพของผู้นำ” โดยเฉพาะ “ปัจจัยที่ย้อนแย้งกัน” ระหว่างเรื่องต่อไปนี้
- ทฤษฎี กับ ความเป็นจริง
- วิชาการ กับ ประสบการณ์
- ศาสตร์ กับ ศิลป์
- องค์รวม กับ รายละเอียด
- เป้าหมาย กับ วิธีการ
- ถูกต้อง กับ ถูกใจ เป็นต้น
หลายต่อหลายครั้งที่ผู้นำและผู้บริหารต้องตัดสินใจโดยต้องเลือกเอาระหว่าง “วิชาการ” กับ “ประสบการณ์” ที่ขัดแย้งกันก็ได้ เช่น การต้องตัดสินใจลงทุนภายใต้เวลาที่จำกัด (ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว) ด้วยตัวเลขทางการเงินที่เหมาะสม แต่จากประสบการณ์ทางการตลาดที่ผลิตภัณฑ์ออกตัวได้ช้า อาจมีคู่แข่งหรือคนเลียนแบบ ซึ่งทำให้รายได้ไม่เป็นไปตามเป้าและไม่คุ้มค่าเหนื่อย
บ่อยครั้งที่ผู้นำต้องเลือกเอาระหว่าง “เป้าหมาย” กับ “วิธีการ” ขณะที่ผู้นำส่วนใหญ่ต้องการให้บรรลุเป้าหมายโดยเร็วด้วยวิธีการใดๆ ก็ได้ (ที่ถูกต้อง) แต่วิธีการใดๆ ที่หลากหลายก็จะไม่สามารถรักษามาตรฐานหรือคุณภาพได้ เพราะเหตุที่ว่าวิธีการไม่แน่นอน คุณภาพก็ไม่เกิด
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในวันนี้ ก็คือ “ผู้นำประเภทที่ตามการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน” โดยเฉพาะเรื่องของการเปลี่ยนแปลงด้าน “เทคโนโลยี” และ “นวัตกรรม” ซึ่งทำให้ “วิธีการบริหารจัดการ” ธุรกิจอุตสาหกรรมเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เพราะสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมือหลายปีก่อนแทบจะเปลี่ยนไปหมดแล้วในวันนี้
แม้ว่าวันนี้ เราอาจจะเป็นผู้นำองค์กร และนึกว่า เราจะควบคุมและบริหารจัดการทุกอย่างได้ตามที่ผ่านๆ มา แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนรุ่นหลังหรือรุ่นลูกหลานของเราต่างหากที่ “ยึดครองโลก” นี้ไว้ เพราะพวกเขาทำการบ้านโดยใช้คอมพิวเตอร์ เขียนและติดต่อกัน (จดหมายถึงกัน) ด้วย E-mail และไลน์พูดคุยประชุมกันออนไลน์ และดูคลิปวีดีโอบนโทรศัพท์มือถือ
แม้เราจะพูดได้ว่า เราก็ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็น แต่วันนี้เราก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโลกแห่งวิทยาการและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเหล่านั้น เวลานี้ เราอยู่ในช่วงเวลาของ “การเปลี่ยนแปลง” ที่รวดเร็วมากทั้งแบบปฏิรูปและปฏิวัติ ซึ่งทำให้ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน
ปรากฎการณ์ซึ่งเราพบในยุคของ IoT และช่วงที่เฟื่องฟูของการมีเว็บไซต์ใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลาเช่นนี้ ก็คือ การทำให้นักคิดนักสร้างสรรค์จำนวนมากเกิดขึ้นด้วย และสามารถใช้เทคนิคใหม่เหล่านี้อย่างเชี่ยวชาญ จนเกิดโมเดลใหม่ๆ ทางธุรกิจ (New Business Model) หลายรูปแบบ ซึ่งยังคงต้องการการวิเคราะห์ที่แม่นยำทางเศรษฐกิจที่ควบคู่กันไป เพื่อพิสูจน์ผลงานใหม่ๆ เหล่านั้น
ทุกวันนี้ องค์กรต่างๆ จึงมุ่งไปที่ “โอกาส” ที่จะนำเทคโนโลยีและวิธีการใหม่ๆ มาประยุกต์ เพื่อการลดต้นทุนและเพิ่มผลิตภาพ เป็นหลัก
ดังนั้น งานของเราในฐานะ “ผู้นำ” จึงไม่เคยวุ่นวายและลำบากเท่าทุกวันนี้มาก่อน เราต้องเริ่มจริงจังกับปัญหาในการปรับเปลี่ยนองค์กรของเรา ตลอดจนการนำพาองค์กรและพนักงานไปสู่เป้าหมาย ในขณะที่กฎเกณฑ์ทางธุรกิจอุตสาหกรรม เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราจะสร้างบรรยากาศในการทำงานอย่างไรให้พนักงานมีความคิดริเริ่มสร้างสรร์ ควบคู่กับความสามารถที่จะดำรงไว้ซึ่งจุดเด่นจุดแข็งทั้งหลายขององค์กรได้ต่อไปอย่างยั่งยืน
เมื่อเราต่างยอมรับว่า “คน” เป็นทรัพยากรมีความสำคัญที่สุดขององค์กร เราก็ควรจะต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า เราได้พัฒนาคนของเราอย่างไรบ้างทั้งในเรื่องของ Re-skill, Up-skill และ Mindset ครับผม !