มองการสังหารหมู่ในอเมริกา

มองการสังหารหมู่ในอเมริกา

ในช่วงสัปดาห์กว่าๆ ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ในสหรัฐอีก 2 ครั้ง ในขณะที่เขียนบทความนี้เมื่อเช้าวันพุธ การสอบสวนยังไม่เสร็จ

                ข้อมูลจำนวนหนึ่งชี้บ่งถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ทั้งสอง  เหตุการณ์แรกเกิดจากชายหนุ่มผิวขาวบุกเข้าไปยิงในสถานให้บริการนวด 3 แห่งในรัฐจอร์เจียทำให้ผู้ชายตาย 1 คนและผู้หญิงตาย 7 คนซึ่ง 6 คนมีเชื้อสายเอเซีย 

                  เหตุการณ์หลังเกิดจากมุสลิมหนุ่มเชื้อสายซีเรียบุกเข้าไปยิงในซูเปอร์มาร์เก็ตในรัฐโคโลราโด ทำให้ชายหญิงเสียชีวิต 10 คน  ผู้ถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุการณ์สยองทั้งสองถูกจับได้  แต่อะไรจูงใจให้พวกเขาทำยังไม่กระจ่าง  ข้อมูลที่เจ้าหน้าที่แถลงออกมาอาจใช้มองต่อไปได้ในหลายแง่มุม    

               เฉกเช่นในเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ผ่าน ๆ มา ปืนเป็นอาวุธที่ฆาตกรใช้  ในสหรัฐ ปืนหาซื้อได้ง่ายมากเนื่องจาก 2 ปัจจัยด้วยกัน นั่นคือ สังคมอเมริกันถือว่าการมีอาวุธไว้ในครอบครองเป็นสิทธิ์พื้นฐานของประชาชนมาตั้งแต่ครั้งก่อตั้งประเทศ  หลังจากปืนได้พัฒนามาเป็นอาวุธสงครามซึ่งมีความร้ายแรงสูงมาก

               ชาวอเมริกันส่วนหนึ่งต้องการให้รัฐบาลควบคุมการเข้าถึงอาวุธจำพวกนี้ แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะทำสำเร็จ เพราะผู้ผลิตและค้าอาวุธปืนเป็นหนึ่งในหลายกลุ่มชนที่มีอิทธิพลครอบงำนักการเมืองเป็นส่วนใหญ่ส่งผลให้ระบบประชาธิปไตยที่ใช้อยู่ในสหรัฐตกอยู่ในภาวะใกล้เป็นง่อยดังที่คอลัมน์นี้อ้างถึงหลายครั้ง

               ในเหตุการณ์ที่ผู้ตายส่วนใหญ่มีเชื้อสายเอเซียชี้ไปที่การรังเกียจผิวและเชื้อชาติที่ยังมีอยู่ทั่วไปในสหรัฐแม้จะมีกฎหมายห้ามไว้แล้วก็ตาม  ดังเป็นที่ทราบกันดี การรังเกียจผิวมีอยู่ในสังคมอเมริกันมาตั้งแต่เริ่มต้นดังจะเห็นได้จากรัฐธรรมนูญของเขาซึ่งนับเฉพาะคนผิวขาวเท่านั้นเป็นประชาชน  แม้รัฐธรรมนูญจะถูกปรับเปลี่ยนหลังเกิดสงครามกลางเมืองเกี่ยวกับเรื่องชนผิวดำ แต่การรังเกียจผิวยังมีอยู่ 

                   ชาวเอเซียที่อพยพเข้าไปอยู่ในสหรัฐถูกรังเกียจเช่นกัน  ในช่วงหลัง ๆ นี้ การที่ผู้คนเชื้อสายเอเซียเป็นเป้าของการกลั่นแกล้งมากขึ้นมองได้ว่ามาจาก 2 ปัจจัยได้แก่ ผู้มีเชื้อสายเอเซียเป็นกลุ่มที่มีความสำเร็จในอัตราสูงมากเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น ถึงกับมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียตรากฏออกมาจำกัดอัตรารับนักศึกษาเชื้อสายเอเซีย

                      และการแข่งขันกันบนเวทีโลกในฐานะมหาอำนาจระหว่างสหรัฐกับจีนเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง  การที่ผู้นำสหรัฐกล่าวหาว่าจีนเป็นต้นเหตุของวิกฤติจากไวรัสโควิด-19ทำให้ผู้มีเชื้อสายเอเซียถูกเพิ่งเล็งมากขึ้นเป็นพิเศษในช่วงปีที่ผ่านมา

               อนึ่ง ในฐานะมหาอำนาจ สหรัฐสร้างความโกรธแค้นให้แก่ชาวโลกจำนวนมากเนื่องจากเข้าไปก้าวก่ายในกิจการภายในของประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง  สำหรับในย่านตะวันออกกลาง ความโกรธแค้นเข้มข้นเป็นพิเศษเพราะย่านนั้นมีทรัพยากรมหาศาลที่สหรัฐต้องการมากได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียม  เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ในย่านนั้นเป็นมุสลิมและสหรัฐทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่า ตนจะได้น้ำมันรวมทั้งการส่งทหารเข้าไปรุกรานในย่านนั้นด้วย

              การโต้ตอบของประชาชนในย่านนั้นจึงกลายมาเป็นความขัดแย้งรุนแรงระหว่างสหรัฐกับชาวมุสลิม  การจี้เครื่องบินโดยสาร 4 ลำของมุสลิมเพื่อใช้เป็นอาวุธฆ่าชาวอเมริกันเมื่อ 20 ปีก่อนเป็นเหตุการณ์ที่บ่งชี้ว่าชาวมุสลิมสามารถเข้าไปสร้างความเสียหายร้ายแรงได้ถึงในสหรัฐ 

                 หลังจากเหตุการณ์ใหญ่ครั้งนั้น สหรัฐระมัดระวังอย่างเต็มที่ จึงไม่มีเหตุการณ์ในแนวเดียวกันเกิดขึ้นอีก  อย่างไรก็ตาม ฝ่ายมุสลิมมิได้ลดละความพยายาม เหตุการณ์จำพวกมุสลิมคนเดียวใช้วาวุธปืนซึ่งหาซื้อได้ง่ายเข้าไปกราดยิ่งในที่ต่าง ๆ จึงยังเกิดขึ้น  ลักษณะของผู้ก่อเหตุร้ายซึ่งทำให้คนตาย 10 คนที่รัฐโคโลราโดน่าจะบ่งชี้ว่าเขาเป็นมุสลิมที่อยู่ในกระบวนการแนวนี้

                ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์อันแสนสลดดังกล่าว การเคลื่อนไหวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็ตามมา  เนื่องจากขณะนี้รองประธานาธิบดีเป็นสตรีผิวดำผสมเลือดเอเซีย จึงอาจมองได้ว่าการรังเกียจผิวในสหัฐน่าจะลดลงได้ต่อไปอย่างมีนัยสำคัญ  ส่วนการทำให้ปืนจำพวกอาวุธสงครามเข้าถึงยากขึ้นนั้นจะยังเป็นเพียงความฝันต่อไป.