อังกฤษฮิตในชีวิต

อังกฤษฮิตในชีวิต

ผู้เขียนดูภาพยนตร์อเมริกันและทีวีอเมริกัน ขณะกำลังออกกำลังกายเดินวิ่งบนสายพานเกือบทุกวันมาเกิน 10 ปี และอ่านภาษาอังกฤษด้วย ทำให้สังเกตเห็นการใช้คำ วลีและประโยคภาษาอังกฤษหลายคำที่ขอรวบรวมมาในวันนี้

คอลัมน์นี้มีชื่อว่า “อาหารสมอง”     ดังนั้นวันนี้จึงขอนำเสนอจานหนึ่งด้านการสื่อสารข้ามวัฒนธรรมผ่านภาษาอังกฤษ   
        ทหารหนุ่มพร้อมจะบุกเข้าไปชิงตัวประกันในห้อง  ทันใดนั้นก็มีเสียงลอดมาจากวิทยุ    “Are you good?”    เมื่อกระซิบตอบไปก็ตอบกลับมาว่า “Break a leg ,Bros”    คนดูภาพยนตร์ฉากนี้งงเหตุการณ์กำลังเข้าด้ายเข้าเข้มกลับถามว่าเป็นคนดีหรือเปล่าและแถมให้หักขาหักแข้งและจบด้วย Bros  นี่อะไรของมันกัน
        “Are you good?”  ข้างบนเป็นคำถามหมายถึงว่า “Are you o.k.?”      มิได้มีอะไรเกี่ยวกับการเป็นคนดีแต่อย่างใด   ส่วน “break a leg”  นั้นเป็นวลีที่นักแสดงอวยพรกันให้โชคดีก่อนรายการแสดง  พวกเขาจะถือและไม่พูดว่า “Good luck” แต่จะใช้วลีนี้แทน   ต่อมาก็มีคนเอามาใช้ในเรื่องอื่น ๆ  ดังตัวอย่างข้างบนด้วย   ส่วน Bros ก็มาจาก “Brothers” เป็นคำที่คนอัฟริกันอเมริกันชายใช้ทักทายเพื่อนชายเมื่อพบกัน และระบาดไปทั่วโลก
        OMG มาจาก “Oh My God”  เป็นคำอุทานแสดงความแปลกใจหรือแสดงอารมณ์สุดๆที่ปัจจุบันคนไทยก็ใช้กันแพร่หลาย   บางครั้งก็แผลงเป็น “Oh My Gosh” เพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงพระเจ้าโดยไม่จำเป็น  ปัจจุบันทั้ง  OMG กับ RIP (Rest in Peace_จงไปสู่สุคติ) ใช้กันในโลกโซเชียลทั้งเทศและไทย

อีกวลีไม่เป็นทางการที่นิยมคือ “under the weather”  ซึ่งหมายถึงรู้สึกไม่ค่อยสบายหรือจิตใจไม่คึกคัก   เช่น  นักกีฬาคนนี้ “under the weather” จนไม่ลงแข่งขันครั้งนี้     อีกคำที่เกี่ยวข้องกับสมาธิโดยเฉพาะในเรื่องกีฬาก็คือ “on the ball”  ซึ่งหมายถึงตื่นตัวและทันกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น   ดังเช่นวันนี้เขาเล่นในการแข่งขันกอล์ฟไม่ดีเลยเพราะ “not on the ball  “ กล่าวคือจิตไม่ตื่นตัวและไม่ตระหนักถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแหลมคม
        เราได้ยินคำว่า “pain point” กันบ่อยมากในโลกปัจจุบันที่มีการประเมินแทบทุกสิ่ง  มันหมายถึงปัญหาหรือสิ่งเป็นลบที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่เป็นประจำ เช่น  อาจารย์เป็นคนเก่งมากแต่มี “pain point “คือพูดไม่รู้เรื่อง
        karma เป็นคำที่นิยมใช้กันมากในโลกตะวันตกปัจจุบันโดยสะท้อนสิ่งที่เรารู้จักกันดีคือกรรม  แต่มีความหมายแตกต่างออกไปบ้าง ในภาษาอังกฤษนั้นหมายถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดเป็นผลขึ้นการกระทำดีเป็นสาเหตุของการนำไปสู่ผลดีในอนาคต และการทำสิ่งไม่ดีก็นำไปสู่ผลไม่ดีในอนาคตด้วย อีกคำคือ nirvana หรือนิพพาน  ภาษาอังกฤษมีความหมายที่ไม่ลึกซึ้งเท่าความหมายดั้งเดิม  โดยหมายถึงสภาวะของ perfect happiness 
        ผู้เขียนดูโทรทัศน์มากในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2020 (ดูด้วยความหวาดหวั่นว่าทรัมป์จะชนะ)   และสังเกตเห็นหลายคำและวลีที่ใช้กันบ่อยมาก คำว่า narrative ซึ่งหมายถึงเรื่องเล่าที่เกิดจากการเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นจนสามารถร้อยเรียงเป็นเรื่องราวขึ้นได้   บริบทที่ใช้มักเป็นการพยายามทำให้สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นที่เป็นทั้งบวกและลบกลายเป็นเรื่องเล่าที่เป็นประโยชน์แก่พรรคตน เช่น การพูดติดอ่าง การป้ำ ๆ เป๋อ ๆ และการเผลอลืมของในบางครั้งของไบเดนนั้น มีการพยายามทำให้เป็น narrative ของคนหมดสมรรถภาพในการเป็นประธานาธิบดี      

อีกคำที่มักใช้คู่กันก็คือ optics ซึ่งหมายถึงการทำให้มองเห็นและรับรู้รับทราบในใจของสาธารณชนเกี่ยวกับสถานการณ์หรือเหตุการณ์หนึ่ง   เช่น    การยุยงให้บุกรุกรัฐสภาเพื่อประท้วงผลการเลือกตั้งของทรัมป์นั้น    optics ที่ออกมาคือทรัมป์เป็นคนทำลายระบอบประชาธิปไตย
        resonate เป็นอีกคำที่นักการเมืองอเมริกันชอบใช้มากโดยมีความหมายว่านโยบายหรือคำพูดที่ออกไปนั้นโดนใจผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง   อีกวลีที่น่าสนใจคือ “on the same page”    ซึ่งหมายถึง “เข้าใจตรงกัน     เป็นพวกเดียวกัน     เห็นอย่างเดียวกัน”
        “throwing someone under the bus”หรือโยนบางคนเข้าไปใต้รถโดยสาร  เป็นสำนวนที่นิยมหมายถึงการทำให้บางคนอยู่ในสถานะลำบาก      เช่น  พยานซึ่งร่วมกระทำผิดด้วยกันให้การปรักปรำจนเสมือนถูกโยนเข้าไปใต้รถโดยสาร  หรือการเปลี่ยนใจทรยศ   เช่น ทนายคนสนิทของทรัมป์ประจานความไม่ดีของนายจ้างเก่าของตน หรือปฏิเสธข้อความหรือความสัมพันธ์เดิมซึ่งทำให้บุคคลหนึ่งตกอยู่ในความลำบากขึ้นมา
        cool คือคำแสลงยอดฮิตที่คนหลายชั่วคนใช้กันอยู่ทุกวัน  มิได้หมายถึงเย็น   หากหมายถึง “เจ๋ง     ยอดเยี่ยม ทันสมัย   เก๋” อะไร ๆ ก็ cool ได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมหรือนามธรรม  อีกคำคือ “a piece of cake”  หมายถึงของที่ทำได้ง่าย ๆ คล้ายกับสำนวน “ปอกกล้วยเข้าปาก” ของไทย (ที่จริงหากปอกผิดทางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย)  ก็ครองใจคนใช้ภาษาอังกฤษมายาวนานเช่นกัน
        OMG!  ไม่น่าเชื่อว่าจะเขียนต้นฉบับได้ทันกำหนดเวลา narrative ของข้อเขียนวันนี้ก็คือเป็นคอลัมน์ที่ให้ความรู้ทันสมัยที่เป็นประโยชน์ในด้านการสื่อสาร  หวังว่าท่านผู้อ่านและผู้เขียนจะ “on the same page”  ไปอีกนาน ๆ นะครับ    “pain point”  หนึ่งของผมก็คือชอบเขียนยาวกว่าที่เขากำหนดครับ.