อ่านตรงนี้ จะได้เข้าใจ Metaverse, NFT และ Cryptocurrency
ทุกวันนี้ในโลกดิจิทัลคงไม่มีเทรนด์อะไรที่สร้างกระแสได้มากกว่าเรื่องราวของ Metaverse, NFT และ Cryptocurrency แต่สิ่งที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นกระแสสังคมในบางครั้งก็ผสมผสานสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกันทำให้แยกออกจากกันได้ลำบากว่าอะไรคือ Metaverse, NFT หรือ Cryptocurrency
ความเข้าใจที่ถูกต้องบางครั้งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากเทรนด์เหล่านี้ได้อย่างสูงสุดเพราะคงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า Metaverse, NFT หรือ Cryptocurrency จะมีผลต่อพวกเราอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และก็ได้เริ่ม Disrupt บางอุตสาหกรรมอย่างเช่นอุตสาหกรรมการเงินไปแล้วอย่างที่ยังไม่สามารถหาวิธีควบคุมได้
จากเทรนด์ทั้งหมด Cryptocurrency หรือ เงินตราเข้ารหัสลับน่าจะเป็นสิ่งที่เข้าใจง่ายที่สุดซึ่งความจริงก็คือการสร้างเงินสกุลใหม่ที่ถูกบริหารจัดการอย่าง Decentralized หรือกระจายอำนาจและไม่สามารถถูกควบคุมโดยรัฐบาลหรือแบงค์ชาติใดๆ ซึ่ง Cryptocurrency จะอาศัยการเข้ารหัสลับอยู่บนเทคโนโลยี Blockchain
Cryptocurrency แรกที่ได้รับความนิยามอย่างแพร่หลายคือ Bitcoin แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนา Cryptocurrency อื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจำนวนมากไม่ยอมรับว่า Cryptocurrency เป็นสกุลเงินแต่กลับยอมรับว่าเป็นทรัพย์สินจึงส่งผลสู่ข้อกฎหมายในเรื่องภาษีและอื่นๆ ที่จะสร้างความยากลำบากต่อการใช้ Cryptocurrency แทนสกุลเงินของรัฐบาล หรือ Fiat Currency
Bitcoin และ Cryptocurrency อยู่กับเรามาร่วมทศวรรษแล้วคนส่วนใหญ่จึงคุ้นเคยกับ Concept นี้ดี แต่ในระยะหลังได้มีเทรนด์ของ Metaverse และNFTที่ออกมาสร้างความตื่นตาและตื่นใจ
NFT หรือ Non-Fungible Token คือ Digital Token หรือตั๋วดิจิทัลที่แต่ละตั๋วมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ยกตัวอย่างเช่นNFTอันหนึ่งอาจเป็นตั๋วที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของในงานศิลปะดิจิทัลชิ้นหนึ่ง ในขณะที่ NFT อีกอันหนึ่งอาจเป็นตั๋วที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของในงานศิลปะดิจิทัลชิ้นอีกหนึ่ง ทั้งสองตั๋วมีเอกลักษณ์เฉพาะและไม่สามารถทดแทนกันได้ เพราะความเป็นเจ้าของในงานศิลปะดิจิทัลทั้งสองชิ้น ก็ไม่สามารถทดแทนกันได้เช่นกัน
NFT ก็อาศัยการเข้ารหัสลับอยู่บนเทคโนโลยี Blockchain เช่นกันแต่เป็นตั๋วและไม่ใช่สกุลเงินเราสามารถซื้อขาย NFT ได้โดยใช้ทั้ง Cryptocurrency และ Fiat Currency
ประเภทของ NFT ที่คนไทยคุ้นเคยกันคือ NFT ที่แสดงความเป็นเจ้าของงานศิลปะดิจิทัล เพราะมีคนไทยหลายคน เช่น คุณเติ้ล ฐิติพันธ์ ทับทอง ที่สร้างงานศิลปะดิจิทัล “THAI GHOST” และสามารถขาย NFT ซึ่งเป็นตั๋วที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของในงานศิลปะดิจิทัลเหล่านี้ ไปให้ผู้ที่สนใจจากทั่วทุกมุมโลก
อีกประเภทของ NFT ที่คนไทยคุ้นเคยกันคือ NFT ที่แสดงความเป็นเจ้าของ Digital Item ในเกมส์ หรือ Metaverse ซึ่งในบางกรณียังรวมไปถึงความเป็นเจ้าของที่ดินในเกมส์ หรือ Metaverse อีกด้วย
แต่ยังมีอีกหลายประเภทของ NFT ที่คนไทยอาจยังไม่คุ้นเคย อาทิเช่น NFT ที่แสดงความเป็นเจ้าของทรัพย์สินในโลกจริง ซึ่งรวมไปถึง ฉโนดที่ดิน และ งานศิลปะในโลกจริง
อย่างไรก็ตาม แม้เราจะเป็นเจ้าของ NFT ที่แสดงความเป็นเจ้าของในสิทธิใดๆ แต่ก็ยังไม่เคยมีการพิสูจน์ทางกฎหมายของประเทศใดๆ ว่าจะสามารถใช้บังคับได้จริง หากมีการไม่ปฏิบัติตามเกิดขึ้น
สุดท้ายนี้ Metaverse หรือ จักรวาลนฤมิต คือ Virtual World หรือโลกเสมือนจริงในระบบดิจิทัล ที่ได้เป็นกระแสขึ้นมาภายหลังจากที่ Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta อย่างไรก็ตาม Concept ของ โลกเสมือนจริงได้มีมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อน Cryptocurrency อีก เพียงแต่การเปลี่ยนชื่อ มักทำให้ Concept เก่าสามารถกลายมาเป็นกระแสใหม่ที่โหนกันได้อีกรอบ
ได้มีความสับสนว่า Metaverse, NFT และ Cryptocurrency เป็นสิ่งเดียวกัน ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพียงแต่มีผู้ให้บริการ Metaverse บางรายที่ขายความเป็นเจ้าของ Digital Item หรือ ที่ดินในรูปแบบของ NFT เท่านั้น ซึ่งเราก็สามารถซื้อขาย NFT เหล่านี้ได้โดยใช้Cryptocurrency
ซึ่งความจริงแล้ว Metaverse จะเป็นเพียงโลกเสมือนจริง ที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับ NFT และ Cryptocurrency เลยก็ได้ แต่ด้วยความเป็นกระแสในปัจจุบัน ทำให้แยกออกจากกันได้ลำบาก