ประกันการเดินทาง

หลายคนเริ่มคิดถึงการเดินทางไปยังต่างประเทศ ไม่ว่าจะส่งลูกเรียนต่อ ทำธุระ ท่องเที่ยวทางบก หรือท่องเรือสำราญ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศต้องไม่ลืมที่จะต้องมี คือ ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ (Travel Insurance)

ประกันภัยการเดินทาง  แม้จะให้ความคุ้มครองหลายอย่าง แต่ในอดีตส่วนใหญ่จะทำไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เราจะไปเจ็บป่วยในต่างประเทศที่มีค่าใช้จ่ายสูง (เฉพาะในโรคที่ไม่เคยเป็นมาก่อน) รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับมารักษาตัวในประเทศไทย หรือค่าใช้จ่ายกรณีนำร่างกลับมาทำพิธีทางศาสนา

แต่ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจะพบว่าประกันการเดินทางที่เรา ๆท่าน ๆมักจะทำกันไว้นั้น ไม่ครอบคลุมเหตุการณ์ ที่ในอดีตมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก เช่น

1. มาตรการจำกัดการเดินทาง ของรัฐบาลประเทศต้นทาง หรือประเทศปลายทาง (ห้ามการเดินทางเข้าออกประเทศ) จนเป็นเหตุให้เดินทางไปร่วมทัวร์ที่ซื้อไว้แล้วไม่ได้
2. สายการบินยกเลิกเส้นทาง หรือเลื่อนตารางการบินไปยังประเทศปลายทาง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรค จนเป็นเหตุให้ไม่สามารถเดินทางร่วมทัวร์ที่ซื้อไว้ได้ หรือไม่สามารถไปร่วมได้ทัน  (แม้จะได้ค่าตั๋วเครื่องบินคืนก็ตาม)
3. มาตรการกำหนดระยะเวลา หรือเพิ่มระยะเวลาการกักกัน (ทั้ง ๆที่เรามิได้เป็นผู้ติดเชื้อ แต่ต้องกักกันตามกฎหมาย) จนเป็นเหตุให้ไม่สามารถเดินทางร่วมแพคเกจทัวร์ในวันเวลาที่กำหนดไว้ได้
4. สถานการณ์การติดเชื้อในประเทศปลายทาง ทำให้เรารู้สึกกังวลและเกิดความรู้สึกไม่อยากไปเที่ยวตามกำหนดการเดิม

ม้ว่าปัจจุบันหลายประเทศจะเริ่มเปิดประเทศกันแล้ว แต่ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางไปต่างประเทศที่ต้องมีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าที่เรียกคืนไม่ได้นั้น จะต้องทราบว่าการทำประกันการเดินทางทั่วไปนั้น ไม่ได้คุ้มครองเหตุข้างต้นไว้ด้วย

แต่สำหรับผู้ที่ยังยืนยันจะไปให้ได้ (เพราะราคาทัวร์ถูก หรือเพราะอั้นมานานก็ตาม) ก็อาจเลือกซื้อประกันการเดินทางที่เรียกว่า “Cancel for Any Reason” ที่ผู้เอาประกันสามารถยกเลิกการเดินทางได้ด้วยเหตุผลใด ๆก็ได้ที่นอกเหนือจากที่ประกันการเดินทางพื้นฐานคุ้มครองไว้ ซึ่งประกันชนิดนี้ บริษัทประกันในต่างประเทศบางแห่งมีขายและสามารถหาซื้อได้ผ่านทางเว็บไซต์ ชนิดนี้มีเงื่อนไขสำคัญ คือ

1) ต้องซื้อเป็นส่วนเพิ่มจากประกันการเดินทางปกติ 2) ต้องซื้อภายในระยะเวลาที่กำหนด ไม่เกิน 10 – 21 วัน (ขึ้นกับนโยบายแต่ละบริษัท) นับจากวันที่มีการจ่ายค่ามัดจำค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งแรก (แม้ว่าอีกหลายเดือนถึงจะจ่ายส่วนที่เหลือ หรือเดินทางจริงก็ตาม) 3) ต้องประกันความเสียหายของค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมดที่เรียกคืนไม่ได้ หรือมีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการคืน ไม่ว่าจะเป็นค่าทัวร์ ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก เป็นต้น จะแบ่งประกันเฉพาะบางส่วนไม่ได้ (ค่าเบี้ยประกันจะเพิ่มสูงขึ้นมากจาก 4 – 8% เป็น 6 - 12% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด) 4) จะต้องแจ้งยกเลิกการเดินทางด้วยสาเหตุใดก็ได้ที่ประกันเดินทางพื้นฐานไม่คุ้มครอง อย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง (ถ้าเป็นเหตุที่ประกันพื้นฐานคุ้มครอง ให้แจ้งเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้)

ซึ่งการยกเลิกด้วยเหตุใดก็ได้นี้ จะให้ความคุ้มครองเพียง 50 - 75% ของค่าใช้จ่ายที่เรียกคืนไม่ได้เท่านั้น แทนที่จะเป็น 100% หากการยกเลิกเกิดจากเหตุที่กรมธรรม์พื้นฐานคุ้มครอง เช่น เจ็บป่วย เสียชีวิต ภัยธรรมชาติ บริษัททัวร์ล้มละลาย เป็นต้น

ดังนั้น ก่อนที่เราจะเดินทางแบบ New Normal อย่าลืมศึกษาข้อมูลมาตรการของรัฐ สายการบิน เงื่อนไขความคุ้มครองของประกันการเดินทาง ฯลฯ เพื่อความอุ่นใจ และลดความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินจำนวนมากโดยไม่ได้อะไรกลับมาเลยได้