กองทุนพลังงานสะอาดและกองทุนรถยนต์ไฟฟ้า เทรนด์ใหม่แห่งโลกอนาคต
สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังไม่จบ ทางยุโรปเน้นลดการพึ่งพาพลังงานก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียลง ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้มีการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น
นอกเหนือจากที่นานาชาติวางแผนการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศโลกให้เป็นศูนย์ “Net zero” ภายในปี 2050 เพื่อจัดการกับภาวะโลกร้อน กองทุนน่าสนใจที่เกี่ยวกับพลังงานสะอาดและรถยนต์ไฟฟ้ามีดังนี้ครับ
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Clean Energy (SCBCLEAN)
ลงทุนในกองทุนหลัก BNP PARIBAS ENERGY TRANSITION เป็นสกุลเงินยูโร (EUR) ในธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและการเปลี่ยนถ่ายพลังงาน (Renewable & transitional energy), การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy efficiency), ระบบขนส่งอย่างยั่งยืน (Sustainable transport), อาคารและโครงสร้างพื้นฐานที่คำนึงถึงการใช้พลังงาน (Green building and infrastructure)
หุ้น 5 อันดับแรกของกองทุนประกอบด้วย
1. Plug Power บริษัทผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจน สัญชาติอเมริกา
2. Sunnova Energy ผู้นำด้านแผงโซล่าเซลล์สำหรับที่พักอาศัย สัญชาติอเมริกา
3. Sunrun Inc ผู้นำด้านแผงโซล่าเซลล์สำหรับที่พักอาศัย สัญชาติอเมริกา
4. Siemens Gamesa ผู้นำด้านอุตสาหกรรม Renewable energy ผลิตกังหันลมทั้งบนบกและในน้ำ
5. Daqo New Energy ผู้ผลิต Monocrystalline silicon และ Polysilicon ที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตแผงโซล่าเซลล์
กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล คลีน เอ็นเนอร์จี A (PRINCIPAL GCLEAN-A)
ลงทุนในกองทุนหลัก iShares Global Clean Energy UCITS ETF เป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ (USD) โดยมุ่งหวังสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง S&P Global Clean Energy ซึ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวกับพลังงานสะอาดทั้งเป็นผู้ผลิตหรือผู้จัดหาอุปกรณ์และเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดทั้งตลาดที่พัฒนาแล้วและตลาดกำลังพัฒนา
หุ้น 5 อันดับแรกของกองทุนประกอบด้วย
1. Enphase Energy บริษัทระดับโลกด้านโซลูชั่นพลังงานให้กับที่พักอาศัยและการพาณิชย์
2. Vestas Wind Systems ผู้ผลิต ติดตั้ง และให้บริการด้านกังหันลม ในหลายประเทศทั่วโลก
3. Consolidated Edison Inc. ผู้ให้บริการด้านพลังงานรายใหญ่ของโลก
4. Orsted บริษัทพลังงานใหญ่ที่สุดในเดนมาร์ก ให้บริการพลังงานจากกังหันลมในทะเล
5. Solaredge Technologies บริษัทพลังงานและโซล่าเซลล์ สัญชาติอิสราเอล
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Electric Vehicles and Future Mobility (SCBEV)
ลงทุนในกองทุนหลัก KraneShares Electric Vehicles & Future Mobility Index ETF เป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ (USD) โดยมุ่งหวังสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง Bloomberg Electric Vehicles Index
กระแสของรถไฟฟ้าได้ถูกบรรจุไว้ในเป้าหมายหลักของหลายประเทศ ทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการใช้แทนรถที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น สหรัฐตั้งเป้าไว้ปี 2030 ว่ารถยนต์ที่จำหน่ายเกินครึ่งจะเป็นรถยนต์ไร้การปล่อยมลพิษ, ญี่ปุ่นมีแผนห้ามใช้รถยนต์ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในปี 2030 และสหภาพยุโรป(EU) ตั้งเป้าที่จะเลิกจำหน่ายรถยนต์ใช้น้ำมันและรถดีเซลในปี 2035 ส่วนไทยเองก็เพิ่งออกมาตรการให้เงินอุดหนุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีกับรถยนต์ EV เช่นกัน
กองทุนนี้จะลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถ EV ทั้งรถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน, แบตเตอรี่ลิเธียมไออนและเชื้อเพลิงไฮโดรเจน, ระบบการเชื่อมต่อ เซ็นเซอร์ การประมวลผล และการขับขี่อัตโนมัติ, สถานีชาร์จและโครงสร้างพื้นฐาน และแร่ที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตแบตเตอรี่ เช่น ลิเธียม
หุ้น 5 อันดับแรกของกองทุนประกอบด้วย
1. Tesla, Inc. ผู้นำด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด สัญชาติอเมริกัน เป็นผู้ออกแบบและผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ แผงโซลาร์เซลล์ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มีมูลค่าตลาดราว 1 ล้านล้านเหรียญดอลล่าร์
2. Contemporary Amperex Technology ผู้นำด้านการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไออน สัญชาติจีน เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้กับ Tesla, BMW, Volkswagen และ Mercedes-Benz รวมถึงบริษัทยังเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงานใหม่ ล่าสุดเพิ่งเปิดตัวแบตเตอรี่โซเดียมไอออน
3. Analog Devices Inc. บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ สัญชาติอเมริกัน เชี่ยวชาญด้านการประมวลผล Mixed-signal และ Digital signal processing รวมถึงการผลิตแผงวงจรรวม Integrated circuits
4. Mercedes-Benz Group บริษัทรถยนต์ สัญชาติเยอรมัน โดยมียุทธศาสตร์เลิกขายรถยนต์ใช้น้ำมันในปี 2030 นอกจากนี้ยังเป็นผู้ผลิตทั้งรถยนต์ รถบัส รถบรรทุก
5. Infineon Technologies บริษัทเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลก สัญชาติเยอรมัน โดยผลิตให้กับรถยนต์ อุตสาหกรรม เครื่องควบคุมไฟฟ้า ระบบเซ็นเซอร์ และระบบรักษาความปลอดภัย
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนก่อนตัดสินใจลงทุนครับ