อะไรจะทำให้ตลาดคาดการณ์ผิดในปี 2025?
ตลาดมองว่า Fed จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง และบอนด์ยีลด์ถึงเวลาปรับตัวลง แม้ผมจะเห็นด้วยกับการลดดอกเบี้ย แต่ยีลด์อาจทรงตัวสูงต่อเนื่อง
ปี 2024 เป็นปีที่ตลาดการเงินสร้างปรากฏการณ์มากมายอย่างที่นักลงทุนหลายท่านไม่ทันตั้งตัว
ดัชนีหุ้นสหรัฐ S&P 500 ทำผลตอบแทนรายปีสูงกว่า 20% ได้ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วง Dot Com ดัชนีดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นทำแตะ ระดับ 108 จุด เป็นรองแค่ทศวรรษ 1980, 2000, และล่าสุดในปี 2023 แต่เงินบาทกลับไม่อ่อนค่าลง นอกจากนั้น ยังมีบอนด์ยีลด์สหรัฐระยะยาวที่ปรับตัวขึ้น สวนทางกับการลดดอกเบี้ยนโยบายของ Fed และราคาทองคำที่ปิดปีใกล้จุดสูงสุดใหม่ แม้ดอกเบี้ยแท้จริงเป็นขาขึ้น
การเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงินเหล่านี้มาจากหลากหลายเหตุผล มีทั้งประเด็นที่ผมมองว่าจะเกิดขึ้นต่อ และประเด็นที่ถึงอาจถึงจุดเปลี่ยน นักลงทุนไทยจำเป็นต้องรู้ให้ทัน ว่าตลาดคาดการณ์อย่างไร และความไม่คาดฝันมีโอกาสเกิดขึ้นกับสินทรัพย์ไหน แค่ไหน
กลุ่มแรก คือดอกเบี้ยและบอนด์
ตลาดมองว่า Fed จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง และบอนด์ยีลด์ถึงเวลาปรับตัวลง แม้ผมจะเห็นด้วยกับการลดดอกเบี้ย แต่ยีลด์อาจทรงตัวสูงต่อเนื่อง
ปัจจุบันดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 4.50% ตลาดคาดว่าจะลดลงราว 3 ครั้งไปที่ระดับ 3.75% ขณะที่บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปีคาดว่าจะปรับตัวลงไปที่ระดับ 4.1% จากปัจจุบันที่ระดับ 4.6%
ส่วนของดอกเบี้ย ผมไม่ได้มองต่างจากตลาดมากนัก เพราะจากถ้อยแถลงของ Fed ล่าสุด มีความเป็นไปได้มากที่ FOMC จะเลือกรอข้อมูลเพิ่มเติมของเศรษฐกิจหลังจากที่ Trump เข้ารับตำแหน่งก่อน เพราะความเสี่ยงสำคัญคือนโยบายการค้าที่คาดว่าจะสร้างความผันผวนให้กับทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดี ในฝั่งบอนด์ ผมเชื่อว่าการที่ยีลด์ปรับตัวขึ้นช่วงท้ายปี 2024 เป็นประเด็นที่ไม่ควรมองข้าม
สำหรับยีลด์ ไม่ใช่แค่ประเด็นการค้าเท่านั้นที่เป็นปัญหา แต่การเติบโตของเศรษฐกิจที่ดีเกิดคาด และการขาดดุลการคลังระดับสูง เป็นอีกสองปัจจัยหนุนให้ยีลด์ไม่ปรับตัวลง ทำให้ผมมองว่าอาจเป็นอีกปีที่ยีลด์สหรัฐระยะยาว อาจไม่ปรับตัวลงรวดเร็วเหมือนดอกเบี้ยระยะสั้น
ส่วนฝั่งไทยนั้น แนวโน้มอาจไม่ต่างจากปี 2024 มาก โดยคาดว่ากนง. จะปรับลดดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 1 ครั้ง ขณะที่บอนด์ยีลด์ไทยจะลดลงไปที่ระดับ 2.0%
ตลาดที่สำคัญถัดมาคือทองคำและอัตราแลกเปลี่ยน
ตลาดคาดว่าดอลลาร์จะอ่อนค่าลงและทองคำจะปรับตัวขึ้น ผมเองก็มองไม่ต่างกัน แต่สำหรับนักลงทุนไทยที่ลงทุนต่างประเทศ อาจต้องระวังความเสี่ยงเงินบาทแข็งเพิ่มขึ้นในปีนี้
ตลาดคาดว่า DXY จะอ่อนค่าลง 2% สู่ที่ระดับ 106จุด ในปี 2025 ขณะที่ทองคำคาดว่าจะปรับตัวขึ้นต่อไปที่ระดับ 2,765 USD/oz
ในระยะสั้น ผมมองว่าปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลัก ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่สูงกว่าทั่วโลก ขณะที่แนวโน้มนโยบายการเงินมีความเข้มงวดขึ้น พร้อมกับการที่สหรัฐมีตลาดหุ้นที่แข็งแกร่ง ทำให้เงินทุนกระจุกตัวในฝั่งสหรัฐ หนุนดอลลาร์แข็ง
ผมมองว่าแรงหนุนดอลลาร์เหล่านี้ จะคงอยู่ในช่วงครึ่งแรกของปี แต่มองว่านโยบายเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐปีนี้จะเป็นตัวเปลี่ยนแนวโน้ม ผมมองว่าข้อตกลงการค้าจะเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุด ถ้าเกิดขึ้นจะเป็นเหตุผลหลักให้ดอลลาร์กลับตัว
ส่วนในฝั่งของทองคำ ผมเชื่อว่าแรงกดดันจากนโยบายต่างประเทศของ Trump สร้างความกังวลให้บรรดาธนาคารกลางทั่วโลกเรื่องการถือครองดอลลาร์เพิ่มเติม ในช่วงที่ยังไม่มีตัวแทนสินทรัพย์ปลอดภัยอื่น ทองคำจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หนุนให้ราคาปรับตัวลงยาก
ด้านเงินบาท แม้เศรษฐกิจและตลาดทุนไทยอาจไม่ได้ดึงดูดต่างชาติ แต่ด้วยทองคำที่แข็งค่าและเงินเฟ้อในประเทศที่ต่ำ เมื่อไหร่ที่ดอลลาร์กลับตัวลงและทองคำปรับตัวขึ้น เงินบาทจะกลายเป็นหนึ่งในสกุลเงินเด่นที่ต้องจับตาแน่นอน
สุดท้าย และสำคัญที่สุดคือหุ้นสหรัฐ
ตลาดคาดว่าดัชนี S&P 500 จะปรับ
ตัวขึ้นต่อจากกำไรที่เติบโต อย่างไรก็ดี ผมมองว่าความเสี่ยงสำคัญคือการเข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจเติบโต ที่ระดับมูลค่าของตลาดมักปรับตัวลง
เป้าหมาย S&P 500 เฉลี่ยปลายปี 2025 ของตลาดแบบ Top-down อยู่ที่ 6,500 และ Bottom-up ที่ 6,672 จุด บนการเติบโตของกำไร 12% ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายและมีความเป็นไปได้สูง
อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของปี 2024 ของตลาดหุ้นสหรัฐ มาจากระดับ Long-term P/E ที่สูงขึ้นจาก 31x เป็น 36x ขณะที่ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 30ปี ซื้อขายกันแค่เพียง 24x และที่แพงกว่าปัจจุบันตั้งแต่มีการเก็บสถิติมา มีเพียงช่วงเดียวเท่านั้นคือ Dot Com ปี 1999 ที่ 38x คิดเป็น Upside จากระดับปัจจุบันเพียง 5%
ส่วนตัวผมมองว่า นโยบายเศรษฐกิจในปี 2025 ไม่ได้กดดันหุ้นใหญ่ แต่นโยบายหนุนที่หุ้นขนาดกลางและเล็ก มาในช่วงที่ตลาดหุ้นกระจุกตัวและแพง อาจส่งผลทางจิตวิทยาให้ตลาดขายทำกำไรหุ้นที่ทำผลตอบแทนดีในปีที่ผ่านมา และสลับการลงทุนไปกลุ่มอื่น จนระดับดัชนี อาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากจากปัจจุบัน
โดยสรุป ผมมองว่าปรากฏการณ์ที่หลากหลายสินทรัพย์เคลื่อนไหวต่างจากอดีต หรือทำผลตอบแทนได้ดีผิดคาด มีเหตุผลรองรับและแทบทุกเหตุผล มาจากฝั่งสหรัฐ
ดังนั้น ในปี 2025 ตลาดหรือผมจะคาดการณ์ถูกหรือผิด เศรษฐกิจสหรัฐ คือสิ่งที่ต้องจับตาที่สุดครับ